purple sweet potato bingsu บิงซูมันม่วง cafe bora

Cafe Bora คาเฟ่มันม่วงฟีเวอร์!! ระบาดในไทยเเล้วที่พารากอน

มันม่วงฟีเวอร์!! ระบาดในไทย กับร้าน Cafe Bora Thailand ชั้น 4 Paragon  ร้านขนมขึ้นชื่อเรื่องมันม่วง ตกเเต่งด้วยสีสันพาสเทลให้ดูน่ากินกันไปอี้กก!!! ?? วันนี้เลยจัดกันไปเลย 3 เมนู เเบบม่วงปี๋!! ….purple sweet potato bingsu บิงซูมันม่วง cafe bora

เมนูลิ้มลองที่ 1 : บิงซูมันม่วง (purple sweet potato bingsu) ?

ราคา 195 บาท เป็นน้ำเเข็งไสนม รสชาติละมุนละไม ราดซอสมันม๊วงม่วง ท็อปปิ้งด้วยคอนเฟลคเเละดอกไม้ ?? ให้ฟรุ้งฟริ้งกันไปอี้กก!! คำเเรกกินเข้าไปเเต่ซอส คือ เหมือนกินมันสำปะหลังจริงๆ เเต่พอกินคู่กับนำ้เเข็งไส เอ้ออ!! อร่อยนะเหวยยยยยเเกกก ยิ่งกินกับคอนเฟลคมันก็จะว้าวหน่อย เเต่ดอกไม้ ? ที่ใส่มากินไม่ได้นะจ๊ะเค้าเอาไว้ใส่สวยๆ…เเละสำหรับใครที่สั่งเมนูบิงซูรสใดก็ตาม เเถมกันไปเลยจ้า กับ เมนูที่ 2 ที่จะมานำเสนอ “มันม่วงทอดอบเเห้ง “

 

purple sweet potato bingsu บิงซูมันม่วง cafe bora
บิงซูมันม่วง (purple sweet potato bingsu)

 

เมนูลิ้มลองที่ 2 : มันม่วงทอดอบเเห้ง (Purple Sweet Potato Chips) ???

ฝานเป็นเเผ่นๆรสสัมผัสจะคล้ายกับกล้วยฉาบอบนำ้ผึ้งบ้านเฮาเลย กินกรุบกรับก็ดี มีขายเเยกเป็นถุงๆ ถ้าติดใจ ราคาถุงละ 89 บาท

purple sweet potato chips มันม่วงทอดอบเเห้ง Cafe bora paragpn
มันม่วงทอดอบเเห้ง (purple sweet potato chips)

เมนูลิ้มลองที่ 3 : ทีรามิสุมันม่วง (tiramisu sweet purple potato)

ราคา 175 บาท เป็นครีมเนื้อนุ่ม หอมๆ ด้านบนโรยด้วยผงมันม่วง สีสันน่าทาน พอจ้วงลงไป ก็จะเจอเนื้อครีมขาวๆ กินเเล้วก็ดีระดับนึง เเต่ไม่ถึงกับว้าวมาก ???

 

tiramisu sweet purple potato ทีรามิสุมันม่วง Cafe bora paragon
ทีรามิสุมันม่วง (tiramisu sweet purple potato)

 

คะเเนนโดยรวม (คหสต)
รสชาติ 3/5 ⭐⭐⭐
บางเมนูดีงาม เเต่ก็ไม่ว้าวมาก มีความหวานกำลังพอดี รสสัมผัสได้ถึงความเป็นมันม๊วงม่วง ถือว่าเป็นเมนูใหม่ที่คัดสรรมาเเล้ว
—————————
การจัดสถานที่ 2/5 ⭐⭐
ร้านที่สาขา Paragon ชั้น 4 เป็นร้านที่อยู่ในมุมเล็กๆ อยู่ตรงข้ามร้านอาหาร Tudari ซึ่งคนรอคิวกันเยอะทั้งสองร้านเลย เเล้วทางเดินก็เเคบอยู่เเล้ว ทำให้คนยืนเกะกะอยู่ขวางทางเต็มไปหมด ส่วนที่นั่งก็มีอยู่ไม่มาก ทำให้คิวอาจจะรอนานหน่อย
—————————
ราคา 3/5 ⭐⭐⭐
เหมาะสมไม่เเพงจนเกินไป สมเหตุ สมผล กับของหวานที่ขึ้นห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Paragon

KLM ใช้กลยุทธ์ Social Media ให้ข้อมูลเที่ยวบินผ่าน Twitter และ Wechat

สายการบินKLM Royal Dutch เปิดกลยุทธ์เกาะกระแสโซเชียลเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยให้ข้อมูลด้านการยืนยันการจอง,การแจ้งเตือน, การเช็คอิน, ตั๋วโดยสาร, อัพเดทข้อมูลเที่ยวบิน รองรับกว่า 10ภาษาผ่านโปรแกรม Twitter และ Wechatที่กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยใช้ช่องทางที่สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบิน ระหว่างการเดินทางหรือที่บ้าน อีกทั้งยังสามารถติดต่อฝ่ายบริการโซเชียลมีเดียได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทางTwitter และ Wechat

 social media

การให้บริการผ่านโซเชียลมีเดียนี้สามารถใช้ได้กับกลุ่มลูกค้าที่จองตั๋วเครื่องบินผ่านทาง KLM.com และเลือกรับข้อมูลผ่านทาง Twitter และ Wechatสามารถใช้บริการนี้ได้แล้วในปัจจุบันและจะได้ขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ KLM เป็นสายการบินแรกของโลกที่ให้ข้อมูลเอกสารการบินและข้อมูลต่างๆผ่าน Facebook Messenger นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และยังเป็นสายการบินแรกที่ใช้Twitter และเป็นสายการบินที่อยู่นอกประเทศจีนรายแรกที่ให้ข้อมูลการบินผ่านWeChat พีทเทอร์ เอลเบอร์ส (Pieter Elbers)ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินKLM กล่าวว่า“หลังจากที่ได้มีการสื่อสารผ่านMessengerมาแล้ว การให้ข้อมูลเที่ยวบินของKLM บน Twitter และ WeChat จึงเป็นกลยุทธ์ด้านสื่อสังคมออนไลน์ของ KLM อย่างสมบูรณ์แบบและลูกค้าเข้าถึงได้โดยตรง ให้ทางเลือกที่ดีที่สุด สะดวกที่สุดกับลูกค้า ทำให้KLM เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการบิน”

KLM บน Twitter และ Wechat

KLM มีผู้ติดตามมากกว่า 2.2 ล้านคนบน Twitter และได้รับการกล่าวถึงมากกว่า 25,000 ครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ KLM ได้เริ่มใช้WeChat ในเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2557 ให้บริการผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง สื่อสารข้อมูลและโปรโมชั่นต่างๆ  ทั้งนี้WeChatเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีผู้ใช้งาน 938 ล้านรายต่อเดือน KLM มีผู้ติดตามกว่า 120,000 รายและได้รับคำถามมากกว่า 6,000 คำถามต่อสัปดาห์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าชาวจีนชื่นชอบแพลตฟอร์มนี้เพื่อสื่อสารกับ KLM

KLM บน Facebook Messenger

เมื่อปีที่ผ่านมา KLM เปิดตัวบริการข้อมูลการบินผ่านทาง Messenger ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยลูกค้ากว่า 1.4 ล้านคนที่รับเอกสารการบินและอัพเดทข้อมูลต่างๆ  10% ของการจองออนไลน์ได้รับการยื่นยันผ่านช่องทางนี้และ 15% ของการจองผ่านออนไลน์ได้รับตั๋วโดยสารผ่านทาง Messenger ด้วยเช่นกัน

 klm-logo-2012

KLM และ Social Media

ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552KLM ได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้ริเริ่มการให้บริการและแคมเปญต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2560 KLM มีผู้ติดตามกว่า 25 ล้านคนบนโซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มต่างๆ KLM ได้รับการกล่าวถึงมากกว่า 100,000 ครั้งในแต่ละสัปดาห์ซึ่งมีคำถามหรือข้อคิดเห็น15,000 ครั้งและได้รับการตอบกลับเป็นการส่วนตัวจากตัวแทนทีมโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุด250 แห่งทั่วโลกผ่าน Facebook, Messenger, Twitter, LinkedIn, WeChat และ KakaoTalk สายการบิน KLM บริการลูกค้า 24 ชั่วโมงใน 9 ภาษา ได้แก่ เนเธอร์แลนด์อังกฤษเยอรมันสเปนโปรตุเกสฝรั่งเศสจีนญี่ปุ่นและเกาหลี ในช่วงเวลาทำงาน KLM ยังให้บริการเป็นภาษาอิตาลีอีกด้วย

Master Blender Joy Spence หญิงคนแรกแห่งวงการเหล้ารัม

Master Blender หญิงคนแรกของโลกเยือนไทยในนาม Appleton Estate ฉลองครบรอบ 20 ปีโชว์วัฒนธรรมเครื่องดืมทะเลคาริบเบียนสุดพิเศษ

กรุงเทพ – 28มิถุนายน พ.ศ. 2560–ครอบรอบ 20 แห่งการเป็นMaster Blender, Joy Spenceคือหญิงคนแรกและหนึ่งเดียวแห่งวงการเหล้ารัม (spirit industry)ในนาม Appleton Estateจัด Master Class สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเหล้ารัมสูตรพิเศษให้สัมผัสสง่างาม และหาได้ยากยิ่ง ด้วยรสชาติที่ลุ่มลึก ผ่านการบ่มยาวนานเป็นเวลา 25 ปีความละมุนของเหล้ารัมที่ผ่านการบ่มยาวนานเช่นนี้ และส่วนผสมที่ได้รับการคัดสรรเป็นพิเศษ สะท้อนถึงบุคลิกที่โอ่อ่า สง่างาม ทว่าอบอุ่นของคุณจอย Master Blender หญิงหนึ่งเดียวที่เป็นที่ยกย่อง และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการเหล้า (spirit industry) ถึงเสน่ห์ในส่วนผสมสูตรเฉพาะตัวของเธอ

Master Blender Joy Spence หญิงคนแรกแห่งวงการเหล้ารัม

Master Blender Joy Spence หญิงคนแรกแห่งวงการเหล้ารัม

Italasia ผู้รับการคัดเลือกจาก Appleton Estate ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเหล้ารัมสูตรพิเศษนี้ในประเทศไทยมองเห็นรสนิยมและความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทยที่มีความทันสมัย และมีความรู้เกี่ยวกับเหล้ารัมอันเป็นวัฒนธรรมที่เป็นที่ภาคภูมิใจของโลกฝั่งทะเลคาริบเบียน โดย Appleton Estate นี้อยู่ในประเทศจาไมก้า ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานด้านการผลิตเหล้ารัม กอรปกับสีสันของวัฒนธรรมที่สดใส เป็นที่ชื่นชอบและรู้จักเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรสนิยม

Master Blender Joy Spence หญิงคนแรกแห่งวงการเหล้ารัม

Master Blender Joy Spence หญิงคนแรกแห่งวงการเหล้ารัม

Master Class ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากโรงแรม เจ้าของร้านอาหารชั้นนำที่เน้นให้บริการเครื่องดื่มมากมายกว่า 60 คน สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมอย่างมากด้วยความมุ่งมั่น เชี่ยวชาญ และความละเมียดละไมที่ใส่ใจมาในส่วนผสมของเหล้ารัมที่เป็นสูตรเฉพาะตัว เป็นการเปิดประสบการณ์ที่พิเศษสู่เมืองไทย

 

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Piton Communication

02-954-26-02

บูรณี buranii@pitonbiz.com

แบ็คแพ็คเที่ยวสิงคโปร์ ราคาถูก

ชีวิตโดนเท…เลยเซไปสิงคโปร์ กับงบติดตัวหลักพัน

ประสบกาณ์เที่ยวเองครั้งแรก!! ที่สิงคโปร์!! เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราเพิ่งเฮิร์ทผลพวงจากการเลิกกับแฟนค่ะ!!  ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวคือ อยากไปที่ไหนก็ได้!! … เลยเปิดเลยค่ะตอนนั้น หาตั๋วบินก่อน พอดีเห็นและว่ามีตั๋วลดราคา ช่วง เดือน ม.ค. ที่จะถึงพอดี นั่งไล่ดูไปที่ไหนบ้าง

ไหนๆลดทั้งที ราคาดีขนาดนี้ ออกนอกประเทศไปเลยค่ะ!! แต่จะไปไกลเกิน ยังไม่เคยแบคแพคก็ไม่กล้าไปไกลเกิ้นน ง้านนน!!! ใกล้และปลอดภัยกับชีวิตน่าจะเป็น สิงคโปร์!!

โลเคชั่นได้แล้ว หาเดอะเเก๊งค์ค่ะ ซึ่งทริปนี้ไปกัน 3 คน… กดจองตั๋วบินราคาถูกที่เราดูไว้ก่อนแล้วจาก Traveloka เหมือนเราผูกขาดเว็บนี้เลย เพราะได้ของมีคุณภาพเทียบไปมา ก็มาตกที่เว็บไซต์นี้ตลอด ไม่ได้อวยนะ แต่มันทุกครั้งเลย ครั้งนี้ก็ได้ของ Jetstar ไป-กลับ ในราคา 2,756 บาท ต่อ คน (รวมค่าโหลดกระเป๋าและค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต) ….ตั๋วมี!! เพื่อนเดินทางพร้อม เหลือแค่แพลนการเดินทางกับที่พักเท่านั้น ซึ่งทริปนี้เป็นทริปปุบปับ ถึงกับต้องทุบกระปุกมาเป็นพ็อคเก็ตมันนี่ จึงต้อง save cost กันนิดนึง

แบ็คแพ็คเที่ยวสิงคโปร์ ราคาถูก

เลยตามล่าหาอ่านรีวิวเที่ยวเองแบบถูก ซึ่งที่พักเคยอ่านตาม พันทิพ ว่าเค้าพัก hostel จะถูกกว่าโรงแรม เพราะเราวางแผนจะไป 4 วัน 3 คืนค่ะ ดังนั้นเราจึงไปหาเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ จนไปได้ของที่ Traveloka อีกแล้ว!! ที่พักชื่อ Mercury Backpackers Hostel โลเคชั่นดี อยู่แถว Lavender MRT รีวิวเลิศ แถมราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ด้วยราคา 1,565 บาท ต่อคน อะไรจะเป็นใจขนาดนี้คะซาร่า…กดจอง!! พร้อมจ่ายเลยค่ะ ซึ่งใครสนใจที่พัก Mercury Backpackers Hostel เหมือนกัน ก็ลองกดเข้าไปดูได้ที่ >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/singapore/mercury-backpackers-hostel-408797

ห้องพัก traveloka ราคาถูก
ที่พักที่เราไปก็จะเป็นเเบบในรูปนี้เลย  เราได้ห้องนึงนอนกัน 3 คน

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย…เราก็แพลนการเดินของแต่ละวันกับเพื่อนๆ ว่าแต่จะสนุก ขาลากกันขนาดไหนก็เลตสะโกลุยกันเล้ยยย!!

Day 1  : Let’s go to Singapore

แก๊งชะนี 3 นาง เช็คอินกันพร้อมบินอย่างนกค่ะ!! โดยการเดินทางบนเครื่องใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็ถึงสิงคโปร์เมืองสิงโตพ่นน้ำกันแล้วจ้า เมื่อถึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปมาเลยค่ะ เพราะประเทศนี้การเดินทางเชื่อมต่อกันแถบจะทุกจุดดด ขอย้ำว่าแถบจะทุกจุดจริงๆ

แบ็คแพ็คเที่ยวสิงคโปร์ ราคาถูก

ว่าแล้วก็ว้าปขึ้น MRT ไปลง ที่ Lavender ดูแมพจากที่ปักหมุดมาก่อน อ้อ ลืมบอก อินเตอร์เน็ตเราซื้อมาจากบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นแพคเก็จที่เค้านำเสนอขายบนเครื่องเลย ราคา 32$ แถมกาแฟค่ะ!! ขอบคุณ!!

ต่อๆ เราก็เดินตามแมพ งงๆนิดนึง แต่ก็มีอาตี๋หล่อเข้ามาช่วย คนที่นี่เค้าจิตใจดีเหมือนหน้าตาจริงๆนะคะ  >_<  เค้าก็ชี้โบ้ชี้เบ้ นู่นนี่ๆให้เราเดินไปจริงๆแล้ว ที่พักหาง่ายมาก ตรงออกจาก สถานีแล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ 3 นาทีก็ถึง แบบในรีวิวเค้าว่าไว้เลย คือมันสะดวกจริงๆอ่ะ ว่าแล้วก็เข้าไปเช็คอินที่ Mercury Backpackers Hostel เพื่อรับห้องกับเจ้าของ เจ้าของทักทาย “สวัสดีครับ”  อ้าวเฮ้ยย!! คนไทยเหรอ เราก็ใส่ภาษาไทยใส่เลย สรุปรู้แค่คำเดียว คือ “สวัสดีครับ” 5555 จบสนทนาเพียงเท่านี้ค่ะ เลยต้องฟุตฟิต อังกฤษใส่ไปแทน แล้วก็เอาของไปเก็บที่ห้องพักเพื่อเริ่มการผจญภัยกันอย่างจริงจัง

พร้อม Let’s go China Town จ้า สะดวกเช่นเคย เดินทางโดย MRT ลงสถานี China Town จุดประสงค์หลักของเราคือมาเดินซื้อ บัตรผ่านเข้า USS และ Garden by the bay ที่ตึก People’s Park Centre แต่หาตึกไม่เจอค่ะ!! แต่อีกแล้วค่ะ คนที่นี่น่ารักมากจริงๆ อาแปะขี่รถจักรยานสี่ล้อเล็กๆพร้อมเปิดเสียงเพลงแบบที่เปิดในวัดจีน นัมมอ ฮาไน ตัน นา.. ตอ ลา ยา.. เยยย  พอเห็นว่าเราเป็นนักเที่ยวเดินงงๆ เค้าขี่จักรยานน้อยเข้ามาถามว่าเราจะไปไหน พร้อมอาสาพาพวกเราไปส่งถึงตึกกันเลยทีเดียว!! เมื่อถึงตึก ก็เซี่ยเซี่ยอาแปะ!! แล้วอาแปะก็ขี่จากไปพร้อมเสียงเพลงเจ้าแม่กวนอิมดังก้องในหัว นัมมอ ฮาไน ตัน นา.. ตอ ลา ยา.. เยยย  55555 ว่าแล้วก็เข้าตึกมา ซึ่งตึกนี้อย่างกับรวมการขายทัวร์ประเทศเค้าโดยเฉพาะ เลือกได้เลยจ้า ถูกและคุ้ม แต่เราได้ของร้าน Sea Wheel Travel มา เพราะเค้าแถมค่าอาหารใน USS ให้ด้วย ก็เลยรีบคว้า

หมดห่วงได้ของครบ ก็ตะลุยเดินถ่ายรูปสวยๆกันเลยจ้าและแวะพักหาของกินแถวนั้น อาหารที่นี่จะเป็นแนวคล้ายๆอาหารจีนๆ ก็ดูรูปเอาค่ะ ชี้ๆ อั๊วเอานี่ๆ ได้ราเมงน้ำมาราคา 5$ รสชาติออกจัดๆนิดนึง แต่ซุปราเมงเค้ามันได้ใจมากค่ะ เส้นก็เหนียวนุ่ม คือโดยรวมก็ผ่านนะ

แบ็คแพ็คเที่ยวสิงคโปร์ ราคาถูก
อาหารที่สิงคโปร์

กินๆเสร็จอิ่มท้องก็พร้อมลุยตามแพลนไป วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic) กันต่อ ตอนเดินหาก็งงๆอยู่วัดอยู่ไหน!!? เดินถามทางเรื่อยๆค่ะ คนที่นี่เค้ายินดีช่วยเหลือจริงๆ จนหาทางมาจนได้ค่ะ วัดนี้เป็นเหมือนแลนด์มาร์คนึงของสิงคโปร์เช่นกันค่ะ เราก็เดินถ่ายรูปแล้วสักการะเที่ยวแบ็คแพ็ควัดพระเขี้ยวเเก้ว สิงคโปร์ ราคาถูก

เที่ยวแบ็คแพ็ควัดพระเขี้ยวเเก้ว สิงคโปร์ ราคาถูก

เดินไปมาก็จะค่ำและ ก็เดินเข้าตลาด china town กันละ คือแบบว่า คนเยอะมากกก อาหารก็เช่นกัน ละลานตา  ถ้ามาสิงคโปร์ china town คือแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ ทั้งแสงสี และของฝาก โดยเฉพาะหมูแผ่น เห็นคนต่อแถวเยอะมาก แต่เราคงสู้อาม่าไม่ไหว

เที่ยวแบ็คแพ็ค China Town สิงคโปร์ ราคาถูกเลยขอเดินเล่นซอยอื่น ซึ่งถ้าเดินทะลุไปมาก็จะคล้ายๆเยาวราช + สำเพ็งบ้านเราหน่อยๆ จึงขอเดินถ่ายรูปรอบๆดีกว่าเพราะบรรยากาศดีงาม เเละเรามาใกล้ช่วงจัดงานเทศกาลตรุษจีนพอดี เเล้วก็หาอาหารใส่ปากแบบที่เราถนัด เท่านี้ก็จบไปอีกวัน
เที่ยวแบ็คแพ็ค China Town สิงคโปร์ ราคาถูก

เที่ยวแบ็คแพ็ค China Town สิงคโปร์ ราคาถูก

เที่ยวแบ็คแพ็ค China Town สิงคโปร์ ราคาถูก
อาหารสิงคโปร์

Day 2 : USS makes me want to be a kid again!!

วันนี้สู้ตาย!! เดินทางกันไปตั้งแต่ 9 โมง ประตูสวนสนุกเปิด 10 โมงค่ะ แต่แนะนำไปก่อนเวลาจะดีมาก เพราะคนต่อแถวยาวเพื่อเข้าเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปเข้าคิวก็ต้องถ่ายรูปเก๋ๆกับลูกโลก USS ซะหน่อย เหมือนแลนด์มาร์คถ้าใครไม่ถ่ายเหมือนมาไม่ถึงที่นี่นะจ๊ะ

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

มาถึงแนะนำว่าถ้าอยากเล่นเครื่องไหนให้รีบวิ่งไปต่อคิวด่วนเลยค่ะ เพราะคนจะเยอะแบบมากๆๆๆ ตอนแรกเราไม่รู้ก็เดินชิวไปสิ ถ่ายรูปเก๋ๆได้อี้กก เพิ่งเข้ามาคนโล่งไงเที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

พอตั้งใจจะไปเริ่มเล่นจริงๆก็งงเลยค่ะ คนมาจากไหนเยอะแยะ แถวยาวมาก เราเลยวิ่งไป Transformer ก่อนเลยเพราะดูมาก่อนแล้วว่าอยากเล่นมาก แล้วก็ต้องอึ้ง!! แถวแบบเยอะจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคุ้มการรอคอยทั้งวัน วันนั้นก็อยู่แต่ที่ USS และต่อแถวเล่นเครื่องเล่นวนไปค่ะ แค่มาถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว แถมเครื่องเล่นยังมันส์หยดตึ๋งๆ

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว เราก็รอเวลาหัวค่ำเพื่อดูการแสดงจุดพลุไฟซึ่งเป็นไฮไลท์ของค่ำคืนที่นี่เลยค่ะ

เที่ยวแบ็คแพ็ค Universal Studios Singapore สิงคโปร์

 

Day3 : Let’s go to shopping …. go to The Singapore Botanic Gardens and Garden by the bay where are awesome places!!

วันนี้ตื่นเช้าค่ะไปนั่งทานอาหารแถวที่พัก  ว่าแล้วก็สั่งข้าวมันไก่ อาแปะ อาตี๋ที่ขายก็ทักทาย อัธยาศัยดี เค้าคิดว่าเราเป็นคนฟิลิปปินส์ ซึ่งมาที่นี่ก็โดนทักเป็นหลายประเทศมากค่ะ เว้นประเทศตัวเอง 55555 ส่วนมาที่นี่ก็กินข้าวมันไก่ไปหลายจานแล้ว แต่ละร้านก็ต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นตัวข้าวที่ต่าง ข้าวจะแข็งไปหน่อยสำหรับเรา ครั้งนี้เลยเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นเส้นๆเเทน เส้นอันนี้ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร เเต่เหนียวนุ่มดีมากๆเลยล่ะ สั่งเต้าหู้ใส่เพิ่มเข้าไปอีก เข้ากันมากๆ

แบ็คแพ็คเที่ยวสิงคโปร์ ราคาถูก
อาหารสิงคโปร์

หลังจากท้องอิ่มเราก็ MRT ไปลงสถานี Botanic Gardens เดินขึ้นมาก็จะเจอ The Singapore Botanic Gardens กันเลยค่ะ เป็นจุดผ่านถ่ายรูปสวยๆ

แบ็คแพ็คเที่ยว botanic garden สิงคโปร์ ราคาถูก

แบ็คแพ็คเที่ยว botanic garden สิงคโปร์ ราคาถูก

แบ็คแพ็คเที่ยว botanic garden สิงคโปร์ ราคาถูก

เราเดินทะลุ The Singapore Botanic Gardens ออกไปด้านหลังเพื่อหารถโดยสารไปยังย่าน orchard ซึ่งถ้าเทียบกับไทยก็เป็นสยามนั่นแหละ มีห้างตลอดย่านนั้นเลยค่ะ ของแถวนั้นก็ไม่ได้ถูกสักเท่าไหร่เลย เราเลยนั่งรถโดยสารไปต่อยังย่าน Little India เป็นชุมชนคนแขกค่ะ แค่ก้าวขาลงไปนี่สัมผัสไปถึงกลิ่นเครื่องเทศจริงๆ สมเป็นย่านคนแขกเลย ว่าแล้วเราเสาะหาตึก “มุสตาฟา” พอดีเพื่อนที่ไทยแนะนำมาว่าของที่นี้ถูก เราก็เลยกวาดน้ำหอมไป ซึ่งถูกกว่าไทยเยอะมากๆ

เที่ยวแบ็คแพ็ค ช็อปปิ้ง สิงคโปร์ ราคาถูก

พอซื้อหนำใจเราก็เดินทางต่อค่ะ ไปยัง Garden by the bay ด้วย MRT ลงที่ Bayfront  ถึงเลย

ในที่สุด!!! Garden by the bay ก็อยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ เข้าไปข้างในนี่มีอึ้ง!! เหมือนในฝันอ่ะ ดอกไม้เต็มไปหมดเลย คือเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกดูแลอย่างดีในห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซน  โซนแรกก็จะเป็น พื้นที่เปิดกว้างให้เดินดูดอกไม้นานาพันธุ์ไปเรื่อยๆ

แบ็คแพ็คเที่ยว Garden by the bay สิงคโปร์ ราคาถูก

แบ็คแพ็คเที่ยว Garden by the bay สิงคโปร์ ราคาถูก

โซนที่สองจะว้าวหน่อย เป็นโดมกระจกค่ะ เป็นพื้นที่ควบคุมแสงและอุณหภูมิ โซนนี้จะหนาวกว่าโซนแรก เพราะมีผาน้ำตกสวยมากกกกก ทางเดินก็จะเป็นเดินไต่ระดับขึ้นไปสูงเรื่อยๆจนด้านบนของโดมเลย ซึ่งสวยมากๆๆๆเช่นกัน…. ไม่ต้องอธิบายมากดูภาพแล้วจะเข้าใจเลยค่ะ

แบ็คแพ็คเที่ยว Garden by the bay สิงคโปร์ ราคาถูก

แบ็คแพ็คเที่ยว Garden by the bay สิงคโปร์ ราคาถูก

แต่ถ้าเดินออกมาด้านนอกของ Garden by the bay ตรงทางออก จะเป็นทางเดินไป Marina Bay Sands ได้เลย เพราะทางอยู่ต่อกัน แต่ก่อนถึง Marina Bay Sands  จะเจอสะพาน Helix แน่นอนค่ะ ต้องถ่ายรูปชิคๆสักหน่อย เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คเช่นกัน แต่ถ้าให้สวยมาช่วงใกล้คำ่ เพราะละแวกนั้นจะเปิดไฟรวมถึงสะพานด้วย

แบ็คแพ็คเที่ยว Marina Bay Sands สิงคโปร์ ราคาถูก
Helix Bridge

ตอนนั้นรับรองจะได้ภาพสวยเก๋ๆกลับไปแน่นอนจ้า พอถ่ายภาพหนำใจแล้วเราก็เดินต่อไปเลียบทางแม่น้ำไปเรื่อยๆก็จะเจอที่จัดแสดง Marina Bay Sands และฝูงชนนั่งรอกันเพื่อรับชม  ซึ่งจะเป็นการแสดงโชว์แสงสีบนน้ำเล่าเรื่องราวของคนสิงคโปร์ พร้อมวิวเป็นฉากหลังตระการตากันเลยทีเดียวค่ะ โดยการแสดงนี้จะมีเวลาเริ่มการแสดงเป็นรอบๆต้องเช็คเวลากันให้ดีน้า รอบที่เราไปเป็นช่วง 2 ทุ่ม รอบสุดท้ายพอดี แต่ถ้าไปดูแนะนำไปก่อนเวลาเพื่อสะดวกต่อการจับจองที่นั่งและมุมดีๆ เพราะคนก็เยอะพอสมควรเลยล่ะ


แบ็คแพ็คเที่ยว Marina Bay Sands สิงคโปร์ ราคาถูก

 

Day 4 : Time to say goodbye Singapore

วันนี้ตื่นแต่ตี 3 เพื่อเตรียมตัวไปยังสนามบิน เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้นั่งแท็กซี่ของที่นี่ ก็สำรวจดูที่คอนโซลหน้ารถเค้าจะมีเหมือนเป็นระบบตัดบัตรเครดิตอะไรประมาณนั้น ซึ่งรวมทั้งบัตร EZ Link ก็สามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ แต่กรณีของพวกเราคือ!! ไปนั่งนับเหรียญกันจ่าย ซึ่งเค้าก็รับชำระเช่นเดียวกันค่ะ

“จะบอกว่าการเดินทางและการชำระค่าโดยสารที่นี่สะดวกมากจะจ่ายแบบ เงินสด เครดิต หรือผ่านบัตร EZ Link ก็ได้หมดค่ะ “

ว่าแล้วเราก็ไปรอเวลาไฟลท์บินกันค่ะ แต่ระหว่างนั้นก็ช็อปปิ้งไปเพลินใน Duty Free ที่สนามบินไปค่ะ เค้าว่ามาที่นี่ต้องฟาดกระเป๋า Charles and Keith ค่ะ เราก็จัดไปสองใบ ซึ่งราคาก็ถูกกว่าไทยนะ และที่สำคัญ!! ดีไซน์ไม่เข้าในไทยด้วยจ้า ถือเป็นสินค้า High End จริงๆเลย คิดถูกและตาดี ว่าแล้วทริปเทใจของเราก็จบแค่นี้  ไว้โอกาสหน้าได้กลับไปเยือนอีกครั้งจะมารีวิวเพิ่มเติมให้นะจ๊ะ เพราะยังเที่ยวไม่ครบเลย!! ใครว่าสิงคโปร์ไม่มีอะไร….นี่ไปสามวันยังไปแลนด์มาร์คสำคัญๆอย่าง Merlion , Esplanade , Clark quay ,  Fountain of Wealth @Suntec ยังไม่เก็บแต้มไม่ครบเลย ต้องกลับไปแน่ๆ พร้อมกับใจที่ไม่โดนเทแล้วครั้งนี้ สัญญา!!

 

การเดินทาง

เราแนะนำให้ใช้ บัตร EZ Link (Easy link) เลยค่ะเพราะบัตรเดียวใช้ได้กับทุกเครือบนประเทศนี้ค่ะ!! ตั้งแต่ ร้านค้า , รฟฟ , รถโดยสาร , แท็กซี่ บ้านเค้าพัฒนาแล้วค่ะ และจะช่วย Save Cost ได้เยอะมากกกกก ราคาบัตร $12 จ้า เหมือนบัตร BTS บ้านเราแบบเติมเงินใช้เติมเงินไปเรื่อยๆ ซึ่งถูกกว่าการซื้อเป็นรอบๆ เพราะว่าตอนแรก

เราไม่รู้พลาดไปซื้อเป็นบัตร Standard Ticket ซึ่งจะเหมือนบัตร BTS บ้านเราที่จ่ายขาเดียว แต่บ้านเค้าต่างตรง บัตรนี้ใช้ได้ 6 ครั้ง ซึ่งทุกเที่ยวการซื้อที่ 1 3 6 จะมีการ discount ให้ 0.1$ค่ะ หลังจากครบ 6 เที่ยว บัตรก็ Deactivate ตัวมันเองไม่ให้ใช้ต่อแล้ว เก็บเป็นฉลากต่างหน้าไป แต่ถ้าเดินทางไปไหนตลอด ราคาแพงกว่าด้วยเมื่อมาเทียบกันแล้ว

Internet

อินเตอร์เน็ตจำเป็นมากค่ะ เพราะ WiFi ที่นั่นยังไม่ค่อยเปิดให้ใช้ในพื้นที่ทั่วไป ต้องไปเกาะตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งก็ต้องเสี่ยงดวงเอา แต่แนะนำซื้อเถอะ!! เราซื้อมาจากบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นแพคเก็จที่เค้านำเสนอขายบนเครื่องเลย ราคา 32$ แถมกาแฟค่ะ

แต่ถ้าเดินหาซื้อซิมในตัวเมืองแล้วมาเปิดใช้ก็ได้นะคะ

อาหารและเครื่องดื่ม

อาหารเริ่มต้นเฉลี่ยจานละ 5$

เครื่องดื่มแนะนำให้บริโภคน้ำเปล่าค่ะแล้วเติมเอา ราคาเริ่มที่ 1$

บัตรเข้า USS และ GBB

Universal Studio Singapore (USS) 62$(ประมาณ 1,488 บาท) เราซื้อพร้อมคูปองอาหารราคาพิเศษ ซื้อ 15$ ใช้ได้ 20$ / Garden by the bay(GBB) 19$ (ประมาณ 456 บาท)

สรุปงบประมาณ

  • ค่าเดินทาง ส่วนมากจะหมดไปกับค่า MRT หากไม่ใช้ EZ Link เพราะเราใช้เเบบเติมเที่ยว ส่วนเพื่อนใช้  EZ Link ดังนั้นจะเห็นส่วนต่างกันมาก เป็นเท่าตัว
  • ค่าใช้จ่ายหลัก (เเยกคน) ค่าเครื่อง + ค่าที่พัก  + บัตรเข้า USS/GBB
  • ค่า Internet + taxi เเชร์กันออกประหยัดขึ้นเยอะ
  • ค่ากิน เรา save cost กินขั้นตำ่ที่ 5$ – 7$ ได้ของกินดีอยู่ อิ่มท้องด้วย (ประมาณ 1,200 บาท)
  • น้ำซื้อขวดใหญ่ 1$ เติมเเบ่งใส่ขวดพกระหว่างวันเอา
  • พ็อคเก็ตมันนี่ เราติดตัวไป 8,000 บาทไทย ยังเหลือใช้เลยขนาดใช้ซื้อนำ้หอมเเละช็อปปิ้งด้วย
จับพิรุธ คนแบบไหนที่จะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี !

จับพิรุธ คนแบบไหนที่จะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี !

จับพิรุธ คนแบบไหนที่จะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี !

พิรุธ คนแบบไหนที่จะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี

ข่าวนักท่องเที่ยวไทยโดนส่งตัวกลับจากเกาหลีใต้ อย่างไร้เหตุผล ทำให้หลายคนที่อยากจะไปเที่ยวเกาหลีเริ่มหวาดผวา กับกิตติศัพท์ความโหดของ ตม.เกาหลี อันเนื่องมาจากคนไทยใช้ช่องทางของฟรีวีซ่า 90 วัน ลักลอบไปทำงานผิดกฎหมาย

เราเคยไปเที่ยวเกาหลีแบบกรุ๊ปทัวร์ ได้ข้อมูลมาบ้าง เดี๋ยวจะแชร์ให้ฟัง ตามจริงแล้ว ในกรุ๊ปทัวร์เราแบ่งเป็น 2 บัส เราอยู่บัส 1 ลงชื่อไว้ 26 คน ทำไปทำมาเหลือเที่ยวไม่ถึงสิบคน

(ก่อนเดินทางมีเหตุฉุกละหุกกับสายการบิน มีคนขอแคนเซิลตั๋วประมาณ 3-4 คน นอกนั้นติด ตม. บางคนก็ผ่าน ตม.แต่หายตัวแว้บช่วงรอกระเป๋า เพื่อโดดไปทำงาน) จากจำนวนคนที่เหลือน้อยเลยต้องรวมกับบัส2 ทำให้เหลือเที่ยวจริงๆ 29 คนจากทั้งหมดเกือบ 50 คน

เวลาไปกับกรุ๊ปทัวร์ ทางทัวร์จะขอเรียกเก็บค่าทิปคนละ 1,200 บาทก่อนเลยตั้งแต่อยู่ที่สนามบินไทย พร้อมทั้งให้เซ็นสัญญาว่าหากติด ตม.ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้ จะไม่มีการคืนเงินใดๆทั้งสิ้น

แว้บแรกที่เห็นเราจะดูออกเลยว่าคนไหนแฝงไปกะทัวร์เพื่อไปทำงาน คนพวกนี้จะลักษณะแบบบ้านๆ หน้าตาผิวพรรณกรำแดด ไม่มีลุคนักท่องเที่ยว ดูก็รู้เลยว่าตั้งใจไปขายแรงงานชัวร์ บางคนจะใส่เสื้อกันหนาวฟรุ้งฟรุ้ง รองเท้าบูทจัดเต็มตั้งแต่สุวรรณภูมิเพื่อให้เนียนที่สุด แต่….ใช้กระเป๋าไซส์กลางถึงเล็ก สัมภาระน้อย เน้นคล่องตัว

พิรุธ คนแบบไหนที่จะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี

เมื่อถึงที่สนามบินอินชอน เข้าแถวช่อง ตม. แน่นอนว่าครอบครัวเราผ่านอย่างไม่มีปัญหา จนท.พลิกดูหน้าพาสปอร์ต2-3ที แล้วก็ปั๊มผ่าน ใบรับรองการทำงานที่เตรียมมา ไม่ต้องแสดงเป็นหลักฐานแต่อย่างใด

แต่มีเคสหนึ่งเป็นผู้หญิง 2 คน อายุประมาณ 40 กว่า มาเป็นเพื่อนกัน ใส่เสื้อขนเป็ดกันตั้งแต่อยู่สุวรรณภูมิ แล้วก็เป็นคนที่แสดงตัวว่าพร้อมบินต่อเป็นคนแรกๆ แม้เครื่องบินจะมีปัญหา ลักษณะแบบดูออกว่ามาทำงานแน่นอน ทีนี้เพื่อนผ่านไปได้ แต่อีกคนไม่ผ่าน ดูเงอะงะ สื่อสารอังกฤษไม่ได้ โดนเรียกเข้าห้องเย็น เพื่อนที่ผ่านขอร้องให้ไกด์ไปการันตี แต่ทางไกด์ก็ปฏิเสธ สุดท้ายเพื่อนได้ไปต่อคนเดียว ป้าคนนั้นโดนส่งกลับ

อีกเคสมากัน 3 คน น้าผู้หญิง-หลานผู้หญิง-แฟนหลาน มาจากโคราช ตัวน้าบอกว่า หลานอยากมา ตอนเครื่องมีปัญหา ยังมาถามเราว่าไปต่อไหม ดูเขาก็หวั่นใจ เพราะเดินทาง ตปท.ครั้งแรก พอผ่าน ตม.ได้เท่านั้นแหละ ขอแยกตัวจากกลุ่ม ไม่ขอเที่ยวด้วยซะงั้น

อีกเคสเป็นแฟนกัน ใช้มุกใส่เสื้อคู่ คือเราดูออกอ่ะว่ามาทำงานแน่ๆ แต่ ตม.เกาหลีพลาดปั๊มให้ผ่านจ้า โธ่เอ๊ย

คุณแก้ม หัวหน้าทัวร์เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า คนไทยลักลอบเข้ามาทำงานในเกาหลีใต้เยอะมาก เรียกว่าไกด์ต้องเจอทุกกรุ๊ปทัวร์เลย บางครั้งรุนแรงขนาดหายหมดทั้งกรุ๊ป ไม่เหลือสักคน ไกด์ก็นอนโรงแรมสบาย ไม่ต้องทำงานตลอด 5 วัน

นอกจากคนไทยแล้วยังมีคนในแถบอาเซียน เวียดนาม อินโด ฟิลิปปินส์ (พม่า เขมร ลาว ไม่ฟรีวีซ่า) ส่วนใหญ่จะมาทำงานในไร่ เก็บผัก เลี้ยงหมูในแถบบ้านนอก พวกสาวๆหน่อยก็ทำงานร้านนวดแฝงค้าบริการ

มีเคสนึงสาหัสมากมากันเป็นครอบครัว พ่อ-แม่-ลูกวัยอนุบาล-ยาย โดยทั้งหมดลงทุนซื้อทัวร์รวมกันก็หลายหมื่น แล้วก็ค่านายหน้าหางานอีก โดยหวังว่าจะได้เที่ยวจนถึงวันสุดท้ายกับทัวร์ จากนั้นพ่อแม่ที่ยังหนุ่มสาวค่อยหลบไปทำงาน แล้วฝากลูกกลับเมืองไทยไปกับยาย ทีนี้ช่วงต้องเข้าช่อง ตม.ตัวพ่อกับแม่ผ่านไปได้ เพราะทำทีว่าจะพาลูกมาเที่ยว แต่ตัวยายไม่ผ่านจ้า สุดท้ายพ่อแม่ต้องยอมทิ้งลูกกลับเมืองไทยกับยาย เพื่อให้ตัวเองได้ทำงาน ตัวเด็กก็ร้องไห้โยเยลั่นสนามบินที่ต้องห่างพ่อแม่ ช็อตนั้นดราม่ามาก

ที่ผ่านมาทางไกด์ต้องถ่ายพาสปอร์ตผู้มาลักลอบทำงานไว้ตรวจสอบ เพราะถ้ามีใครอยู่เกินกำหนด 90 วัน เป็นจำนวน 50 คนเมื่อไหร่ ทางไกด์โดนติดแบล็คลิสต์ห้ามเข้าเกาหลีตลอดชีวิตเช่นกัน

คุณแก้มเล่าอีกว่า จะมีนายหน้าติดต่อมากับบริษัททัวร์อยู่ตลอด ซึ่งทุกอย่างโยงกันเป็นขบวนการ โดยมีสาเหตุมาจากคำว่า ‘เงิน’ และ ‘ความเห็นแก่ตัว’ เข้ามาเกี่ยวข้อง

ทางลูกค้าก็อยากทำงานเมืองนอก หาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง โดยใช้วิธีสกปรก ทางนายหน้าก็อยากได้เงินจากลูกค้า จากนายจ้างที่อยากจ้างแรงงานถูกๆเพื่อลดต้นทุน

ทางบริษัททัวร์ก็อยากจะขายแพ็คเก็จออก อยากให้มีคนจองทัวร์เยอะๆ ทุกคนจึงพยายามหลับหูหลับตากับปัญหานี้กันไปหมด

ล่าสุดมีข้อมูลอ้างอิง จากนายธาตรี เชาวชตา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ที่ผ่านมาทางการไทยได้มีความพยายามเจรจาทางการทูต แต่ทางเกาหลีใต้ปฏิเสธ และไม่อนุญาตให้สถานทูตไทยมาร่วมสอบสวนหากมีคนไทยถูกกักตัว เมื่อสอบถามหลักเกณฑ์ในการพิจารณาบุคคล ก็ไม่ได้รับการเปิดเผย ซึ่งจากสถิติพบว่าพลเมืองไทย ติดอันดับ 1 ในการถูกส่งตัวออกจากเกาหลีใต้มากที่สุด โดยจะเพ่งเล็งที่หญิงไทย พร้อมมีรายงานว่ามีคนไทยถูกส่งตัวกลับไทยเฉลี่ย 28,000 คนต่อปี หรือราววันละ 76 คนเลยทีเดียว

เกาหลีใต้ให้ฟรีวีซ่าคนไทย90วัน เพราะเป็นการขอบคุณที่ทางการไทยเคยส่งทหารไปร่วมรบในช่วงสงครามเกาหลี แต่ทุกวันนี้คนไทยที่เห็นแก่ตัวทำเสียชื่อเสียง และทำลายสิ่งที่บรรพบุรุษสั่งสมมากันเสียหมด แล้วก็ไปกระทบกับคนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหานี้จะหมดไปเมื่อไหร่ หรือต้องรอให้ยกเลิกฟรีวีซ่าเสียก่อนก็ไม่รู้

 

ทำยังไงให้ผ่าน ตม.เกาหลี

1.เตรียมเอกสารแสดงตนให้พร้อม ใครเคยเปลี่ยนชื่อ ก็ต้องเตรียมเอกสารมาด้วยนะ ส่วนเรื่องพาสปอร์ตหน้าขาว อันนี้ก็แล้วแต่ดวง เพราะเพื่อนเราบางคนขาวมาก แต่ ตม.ก็ปั๊มผ่านเลย ไม่ถามใดๆ

2.เอกสารแสดงอาชีพ เช่นใบรับรองการทำงาน บัตรพนักงาน นามบัตร ถ้าทำงานอิสระก็ต้องมีตัวอย่างงานติดๆมาด้วย

3.เงินสดแลกติดตัวไว้เลย (อย่าไปรวมกับเพื่อน เพราะบางทีเพื่อนผ่าน เราอาจไม่ผ่าน) แล้วก็บัตรเครดิต ให้รู้ว่าเรามีทุนทรัพย์พร้อมเปย์นะ ไม่ได้มาเล่นๆ

4.โปรแกรมทัวร์/ใบจองโรงแรม/เอกสารการนำเที่ยว/ตั๋วเครื่องบินขากลับ เอาให้ชัด ว่ายังไงเราก็ไม่โรบินฮู้ดแน่นอน

5.แต่งตัวเรียบร้อย ดูดี เหมาะกับการท่องเที่ยว ไม่เซ็กซี่ หวือหวา สร้างลุคให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย

6.สื่อสารภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานได้

7. อันนี้เป็นอีกทริค เพื่อนเราไปกับแก๊งเพื่อน แล้วเพื่อนผ่าน นางดันติดอยู่คนเดียว เข้าห้องเย็น พอ จนท.ถามว่ามากับใคร ก็ เปิดรูปพาสปอร์ตเพื่อนๆที่ถ่ายเตรียมไว้ในมือถือ ยื่นให้ดู แล้วก็สะกดชื่อเพื่อนให้ถูก ตอบคำถามแบบมีสติ ไม่ลุกลี้ลุกลน ติดอยู่ 30 นาทีก็ผ่านเลยจ้า

สุดท้ายถ้าเราบริสุทธิ์ใจว่าไปเที่ยวชัวร์ๆ ยังไงก็ผ่าน เชื่อสิ

รีวิวเกาหลี โดยอาจุมม่า =>  หนาวติดลบกับวิวหิมะหลักล้านที่’ฟีนิกซ์ สกีรีสอร์ท’ ณ เกาหลีใต้

-อาจุมม่า ซารางเฮ-

mida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก

นอนริมแคว พักกาย ผ่อนใจที่ ไมด้ารีสอร์ท กาญจนบุรี

mida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก

แม่น้ำแคว กาญจนบุรี หนึ่งในจุดมุ่งหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บรรยากาศร่มรื่นเขียวขจีของภูเขาและป่าไม้ บวกกับแม่น้ำสายยาวสายหลักของกาญจนบุรี เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหลากหลายสารทิศให้มาพักผ่อนหย่อนใจริมน้ำและทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ล่องแพ เดินป่าและขี่ช้าง เป็นต้น ทริปนี้ เราจึงได้ Traveloka ผู้ให้บริการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินออนไลน์ชั้นนำ พาคุณไปนอนริมแควที่จังหวัดกาญจนบุรีกันค่ะ ซึ่งสำหรับใครที่อยากพักกาย ผ่อนใจ ปล่อยความกังวลต่างๆ ให้ไหลไปกับแม่น้ำก็ตามเรามาเลย จุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ที่ “ไมด้ารีสอร์ท กาญจนบุรี

ไมด้ารีสอร์ท เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนยอดนิยมในจังหวัดกาญจนบุรีที่ใครๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องหาโอกาสมาพักผ่อนที่นี่ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควประมาณ 8.71 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและต้นไม้เขียวขจี ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 90 ห้อง และมีหลายแบบให้เลือกสรร ทั้งแบบห้องพักปกติในตัวตึก แบบวิลล่า แบบบ้านพักสำหรับผู้เข้าพักเป็นกลุ่ม และเต็นท์ติดแอร์อันขึ้นชื่อ

mida-resort-kanchanaburimida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก

บ้านพักปกติในตัวตึกของไมด้ารีสอร์ทจะประกอบไปด้วยแบบ Superior, Deluxe, Grand Deluxe, Family Deluxe, Junior Suit และ Executive Suit ซึ่งภายในจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แต่มีการตกแต่งลักษณะคล้ายๆ กัน คือเน้นโทนสีขาวสะอาดตาและเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตและห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง แต่ละห้องจะมีวิวที่แตกต่างกันออกไป เช่น วิวแม่น้ำวิวภูเขา วิวสวน และวิวสระว่ายน้ำ เป็นต้น

superior-room-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก
Superior Room
family-deluxe-room-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก
Family Deluxe Room
junior-suit-room-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-
Junior Suit Room
executive-suit-room-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก
Executive Suit Room

หากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถเลือกพักได้ที่บ้านพัก Pool villa มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ บ้านพักแบบ 1 ห้องนอน และบ้านพักแบบ 2 ห้องนอน และหากใครมาพักแบบเป็นหมู่คณะก็สามารถเข้าพักได้ที่เรือนร่มไม้ ซึ่งรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 10 คนด้วยกัน

pool-villa-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก
Pool Villa
บ้านร่มไม้-ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก
บ้านร่มไม้

ห้องพักอีกรูปแบบหนึ่งของไมด้ารีสอร์ทที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากก็คือ ห้องพักแบบเต็นท์ค่ะ เต็นท์ที่นี่มีความพิเศษกว่าเต็นท์ที่อื่น เพราะเป็นเต็นท์ติดแอร์และมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันภายในเต็นท์ซึ่งไม่แตกต่างจากห้องพักปกติเลย เพียงแต่ต้องไปใช้ห้องน้ำรวมเท่านั้น ใครอยากมานอนฟังเสียงแม่น้ำแควแบบได้อารมณ์ตั้งแคมป์ก็ต้องรีบจองเต็นท์ที่ไมด้าเอาไว้นะคะmida-resort-kanchanaburimida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก mida-resort-kanchanaburimida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก

ไมด้ารีสอร์ทเป็นรีสอร์ทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการในรูปแบบต่างๆ ครบครัน เช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ บาร์ริมสระน้ำ ร้านอาหารทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ซาวน่า บริการนวดและสปา บริการรถ Shuttle Bus เข้าไปในตัวเมืองกาญจนบุรี และยังมีกิจกรรมล่องแพและเดินป่าให้ผู้เข้าพักได้ร่วมผจญภัยอีกด้วย

mida-resort-kanchanaburimida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก mida-resort-kanchanaburimida-resort-kanchanaburi--ไมด้ารีสอร์ท-กาญจนบุรี-ที่พักริมน้ำ-ที่พักราคาถูก

เอาเป็นว่า ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานอนริมแคว สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดที่ไมด้ารีสอร์ท ก็เข้าไปเลือกห้องพักแบบที่คุณถูกใจกันได้โดย คลิกที่ลิงค์นี้เลยค่ะ รับรองเลยว่าคุณจะได้ไปนอนริมแควในราคาน่าคบหาอย่างแน่นอน ยิ่งใครที่ชอบจองผ่านมือถือ Traveloka ก็มีแอปพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลด แถมยังได้ราคาถูกลงอีกด้วย จองง่าย ไม่คิดค่าธรรมเนียมแบบนี้ อย่ารอช้า กดจองแล้วเก็บกระเป๋าให้ Traveloka ได้พาคุณไปนอนริมแคว…..พักกาย ผ่อนใจ ณ ไมด้ารีสอร์ท กาญจนบุรีกันเลย

ขอบคุณภาพจาก midaresortkanchanaburi.com