AWC ต้อนรับรูปแบบใหม่ของการใช้ชีวิตด้วย “AWC INFINITE LIFESTYLE” 
พร้อมร่วมโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” นำเสนอแพคเกจห้องพักโรงแรมลด 50% ทั้งเครือ ร่วมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งไปด้วยกัน

19 มิถุนายน 2563 – แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เผยแนวคิดด้านผลิตภัณฑ์และบริการใหม่  ภายใต้ “AWC INFINITE LIFESTYLE” ครั้งแรกกับการทำงานที่สร้างแรงบันดาลใจไร้ขีดจำกัด ด้วยความอิสระและยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการพักผ่อน ที่รวบรวมออฟฟิศบ้านโรงแรมศูนย์การค้าไว้ในที่เดียวกัน รองรับเทรนด์ Work From Anywhere ในวิถีของโลกในยุค New Normal ให้ลูกค้าสามารถออกแบบการใช้ชีวิตและการทำงานได้หลากหลายจากโครงการในเครือ AWC เลือกได้ทั้งรูปแบบ Executive, Signature หรือ Elite สร้างประสบการณ์ใหม่ เสริมรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ให้องค์กร ธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดย AWC INFINITE LIFESTYLE จะช่วยเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในเครือ ควบคู่กับการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้พลิกฟื้นได้อย่างรวดเร็วหลังวิกฤตโควิด-19 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าตามกลยุทธ์ AWC Building a Better Future

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่าด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพฤติกรรมวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รูปแบบการทำงานแบบ Work From Anywhere ประกอบกับ      กลยุทธ์การเป็น Lifestyle Real Estate ของ AWC ที่มุ่งตอบโจทย์และเสริมรูปแบบการใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัด เราจึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดด้านผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจในเครือให้สอดคล้องกับฐานวิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ต่อยอดกลยุทธ์ AWC Building a Better Future เพื่อมุ่งสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน ชุมชน สังคมองค์รวม และประเทศไทย

ด้วยความโดดเด่นของพอร์ทโฟลิโอที่หลากหลายในการตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบ New Normal บริษัทได้สร้างสรรค์ “AWC INFINITE LIFESTYLE” ที่สร้างแรงบันดาลใจไร้ขีดจำกัด ด้วยความอิสระและยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการพักผ่อน ที่รวบรวมออฟฟิศบ้านโรงแรมศูนย์การค้าไว้ในที่เดียวกันทั้งตารางการประชุมประจำวันและตารางการทำงาน พร้อมกับประสบการณ์การพักผ่อน ทั้งอาหารจากเชฟมือรางวัล รวมทั้งเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนในโรงแรมและรีสอร์ทสำหรับครอบครัว ทั้งหมดคือการผสมผสานความสุขในทุกช่วงเวลา ด้วยสินค้าและบริการที่ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องสุขอนามัยความปลอดภัยและคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจากทุกโครงการในเครือ AWC เริ่มต้นด้วยโรงแรม 16 แห่ง และจะขยายไปสู่อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า ที่ตั้งในศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวชั้นนำทั่วประเทศ

AWC INFINITE LIFESTYLE จึงเป็นบริการไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความสมดุลของชีวิต (Work-life Balance) ที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกด้วยความสะดวกสบายในการใช้บริการระดับพรีเมี่ยมทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิต ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ ผ่านสิทธิประโยชน์ของแต่ละแพคเกจที่แตกต่างกันออกไปใน 4 ด้านได้แก่

  • Unlimited Benefit สิทธิประโยชน์ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการในโครงการต่างๆ ของ AWC ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการอย่างไร้ขีดจำกัด อาทิ ทำงานที่ล็อบบี้ หรือบิสสิเนสเซ็นเตอร์ พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงเลือกใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรม เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส (เฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนด) และบริการจอดรถแบบ Valet Parking
  • Discount ส่วนลดในการจองห้องพัก และการใช้บริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม และสปา รวมถึงบริการซักรีด ภายในโครงการของ AWC ในอัตราตั้งแต่ 10-20%
  • Coupon สิทธิประโยชน์ในการเลือกใช้บริการอื่นๆ ตามปริมาณความต้องการใช้งานของแต่และแพคเกจที่แตกต่างกันออกไป เช่น ห้องประชุม คลับเลานจ์ บริการเครื่องดื่ม น้ำอัดลม และชา กาแฟ และบริการปรินท์เอกสาร
  • Infinite Point คะแนนพิเศษสำหรับนำมาแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งในรูปแบบคูปอง หรือใช้แทนเงินสดในการใช้บริการต่างๆ ของโรงแรมตามความต้องการ

โดย AWC INFINITE LIFESTYLE มี 3 แพคเกจหลักให้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์ในการใช้งาน ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 3,000 บาทต่อเดือน ได้แก่

  • “EXECUTIVE” แพคเกจเพื่อการทำงานที่คล่องตัวในโครงการใดก็ได้ภายในเครือ AWC
  • “SIGNATURE” แพคเกจสำหรับการทำงานที่ต้องการใช้ห้องประชุมมากขึ้น
  • ELITE” แพคเกจพรีเมี่ยมที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ด้วยบริการคลับเลานจ์

เพื่อยกระดับไลฟ์สไตล์และสมดุลชีวิตการทำงานที่ดียิ่งขึ้น ด้วยทางเลือกแบบพลัสด้วยบริการสระว่ายน้ำ และฟิตเนสในช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึง Coupon และ Infinite Point ที่เพิ่มมากขึ้น ในทั้ง EXECUTIVE+, SIGNATURE+ และ ELITE+

AWC INFINITE LIFESTYLE เริ่มให้บริการสำหรับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่: info.awcinfinitelifestyle@assetworldcorp-th.com

ล่าสุดหลังจากที่รัฐบาลได้ส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านแคมเปญ                  ไทยเที่ยวไทยโดยได้มีการพิจารณาอนุมัติแพคเกจเราไปเที่ยวกันตั้งแต่เดือน ..- .. 2563                ซึ่งทาง AWC ร่วมตอบรับนโยบายของรัฐบาลด้วยการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อมอบความสุขด้วยแพคเกจส่วนลดค่าที่พักโรงแรมทุกแห่งในเครือ 50% พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับร้านอาหารและสปา

เราได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการกลับมาสู่รูปแบบใหม่ของการใช้ชีวิต และตอบรับนโยบายภาครัฐและองค์กรต่างๆ อย่างเต็มกำลัง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย และสร้างความแข็งแกร่งกลับมาให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่นยืนนางวัลลภากล่าว

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

ของโครงการในเครือ AWC เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊ค  www.facebook.com/AssetWorldCorporation

เพิ่มพูนความรู้ในช่วงกักตัวอยู่บ้าน เรียนภาษาอังกฤษแบบสนุก ๆ ฟรีกับแอป Cake

ในช่วงนี้ที่สถานการณ์วิกฤตจากพิษโควิด-19 ถ้าเบื่อจากการกักตัวอยู่บ้าน เรามาหากิจกรรมน่าสนใจทำ อย่างการเรียนภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชันกันดีกว่า เพราะนอกจากเป็นการใช้เวลาไม่ให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์แล้วยังทำได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา แถมสนุกอีกด้วย !

 

แอปพลิเคชัน Cake ที่เปิดตัวเวอร์ชันภาษาไทยไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นแอปเรียนภาษาอังกฤษฟรีจากวิดีโอสนุก ๆ ที่มีเนื้อหาอัปเดตใหม่ทุกวัน ทำให้รู้สึกไม่ซ้ำซากจำเจ ซึ่งการเรียนผ่านคลิปวิดีโอบน Youtube เราจะได้เรียนรู้ทั้งการใช้ประโยค  สำนวนและวลีต่าง ๆ จากสถานการณ์จริง! 

Cake มีหลายโหมดให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโหมดเรียนภาษาอังกฤษจากวิดีโอสั้น ๆ  โหมดพูดที่จะได้เรียนไวยากรณ์ คำศัพท์และบทสนทนาต่าง ๆ และล่าสุด Cake เพิ่งเปิดตัวเนื้อหาใหม่ – บทสนทนาประจำวัน ที่คัดสรรประโยคเด็ด ๆ ให้นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ ทุกวันให้เรียนกันได้อย่างไม่มีเบื่อ แถมผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบสำเนียงของตัวเองกับ AI เพื่อจะได้ไว้ฝึกออกเสียงให้เป๊ะราวกับเจ้าของภาษากันเลยทีเดียว

 

และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแอป Cake ได้จัดกิจกรรมดี ๆ อย่าง Cake – Weekly Challenge ให้ผู้ใช้บริการได้ร่วมสนุกและลุ้นชิงรางวัลเงินสดสัปดาห์ละ 1,000 ดอลลาร์ โดยมีผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมนี้เป็นจำนวนมาก

แอป Cake ยังมีเนื้อหาดี ๆ ภาษาอังกฤษสนุก ๆ อีกมากมายที่จะแบ่งปันกับผู้ใช้ รวมถึงกิจกรรมดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรอทุกคนอยู่ คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Cake ได้ที่ https://www.facebook.com/cakeapp.global/ หรือสามารถค้นหาคำว่า “Cake English” บน Play Store หรือ App Store และดาวน์โหลดได้เลย ฟรี 100% หรือดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์นี้ https://mycake.me/?locale=en

รีวิวคาเฟ่ Laantim’s Cafe’ & Gallery กาแฟดีจากยายสู่ “หลานติ๋ม” ที่เชียงราย

เมืองเชียงรายเขาว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งกาแฟ ไปตรงไหนก็เจอร้านกาแฟ คาเฟ่น่ารักๆ บรรยากาศดีเต็มเมือง แม้กระทั่งบนยอดก็เจอเพียบ  วันนี้เลยจะแนะนำคาเฟ่น่ารักๆร้านนึงชื่อ ร้าน Laantim’s Cafe’ & Gallery คาเฟ่น่ารักๆ จากคุณยายติ๋ม สู่หลานยายติ๋ม จึงเป็นที่มาของชื่อเก๋ๆ “หลานติ๋ม” ที่เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim’s ร้านนี้อ่านชื่อครั้งแรกอาจจะงงๆ ว่าเอ๊ะ! ร้านติม รึป่าวข้างในมีไอติมขายแน่ๆ แต่ว่านี่คือร้านกาแฟนั่นเอง พนง.ที่ร้านเล่าให้ฟังว่า ที่นี่เคยเป็นเนอร์สเซอรี่มาก่อน แต่ได้เลิกกิจการไปแล้ว ต่อมาได้มีการปรับปรุงพื้นที่เปิดเป็นโรงแรม “บ้านนอนเพลิน” และคาเฟ่ชื่อ “หลานติ๋ม” นี่เอง

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

ภายในร้านก็ตกแต่ง สไตล์ Minimal น่ารักๆ เน้นโทนสีขาวและวัสดุจากไม้ บรรยากาศดีเลย เหมาะแก่การนั่งชิลล์เพลินๆ บางครั้งก็อาจจะมีน้องเหมียวเดินมานั่งเป็นเพื่อนด้วยนะ?

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

Laantim Cafe and Gallery เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

รีวิวพาเปิดมุมมองใหม่ วัดร่องเสือเต้น@เชียงราย

เปิดมุมใหม่!! วัดร่องเสือเต้นในช่วงหัวค่ำ วัดสีน้ำเงิน หรือ Blue Temple ตัดกับท้องฟ้าสีส้ม ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

ใครเคยไปเที่ยวเชียงรายก็อาจจะเคยไปวัดนี้กันแล้ว แต่ยังไม่ค่อยได้ภาพในช่วงหัวค่ำแบบนี้เท่าไหร่ ซึ่งทางวัดจะเปิดไฟสีฟ้า ทำให้สีน้ำเงินของวัดแห่งนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาต่างจากช่วงกลางวัน

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้นออกแบบสร้างโดยศิลปินชาวเชียงราย “สล่านก” ซึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์เฉลิมชัยผู้สร้างวัดร่องขุ่นนี่เอง  ใครอยากทำบุญพร้อมชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ต้องห้ามพลาด!

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Wat Rong Suea Ten เชียงราย

วัดร่องเสือเต้น Blue Temple ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จังหวัดเชียงราย

?#พิกัด https://g.co/kgs/V6zbq4

เวลาทำการเปิด-ปิด : ทุกวัน 7.00 – 20.00 น.

 

 

 

 

แคสเปอร์สกี้สนับสนุนความเท่าเทียม ตั้งชุมชมออนไลน์ ‘Women in Cybersecurity’

พร้อมเผยผลสำรวจ องค์กรเพียง 37% ที่มีนโยบายสนับสนุนการรับพนักงานหญิงเข้าแผนกไอที

จากการสำรวจของ Kaspersky ร่วมกับ 451 Research ระบุว่า ในเอ็นเทอร์ไพรซ์ 45% พบสัดส่วนจำนวนผู้หญิงที่ทำงานในแผนกไอทีซีเคียวริตี้น้อยกว่าแผนกอื่นๆ ในองค์กร และมีองค์กรเพียง 37% ที่รับพนักงานหญิง / กำลังพิจารณารับสมัคร / หรือมีแผนงานอย่างเป็นทางการที่จะรับพนักงานหญิงเข้าทำงานในแผนกไอทีซีเคียวริตี้

 

ความหลากหลายของกำลังคนในการทำงานจะทำให้เกิดความสามารถพิเศษขึ้นในองค์กร และยังปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น องค์กรที่มีกำลังคนหลากหลายจะมีรายได้สูงขึ้น 19% จากนวัตกรรม แนวคิดเรื่อง ความเสมอภาคทางเพศไม่ได้เป็นเพียงแค่ประเด็นทางจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยหลักสำคัญสำหรับประสิทธิภาพของธุรกิจอีกด้วย จึงมีความคิดริเริ่มในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจและก้าวหน้าทางอาชีพ เช่น เทคโนโลยี และผู้ประกอบการ

 

นอกจากนี้ยังพบว่า เฉลี่ยทั่วโลกมีผู้หญิงทำงานในองค์กรคิดเป็น 39% ของแรงงานทั้งหมด และมีเพียง 25% ที่ทำงานในตำแหน่งบริหาร สำหรับแผนกความปลอดภัยไซเบอร์และแผนกไอทีทั่วไปอาจกล่าวได้ว่าเป็นสาขาที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และอาจเป็นกำแพงกั้นผู้หญิงที่จะเข้ามาทำงานในสาขานี้ จากรายงานเรื่อง “Cybersecurity through the CISO’s eyes: Perspectives on a role” โดย Kaspersky ร่วมกับ 451 Research ระบุว่า ผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ หรือ CISO จำนวน 45% ยืนยันว่าผู้หญิงเป็นคนกลุ่มน้อยในสาขานี้

รายงานยังระบุว่า มีองค์กรเพียง 37% ที่รับพนักงานหญิง / กำลังพิจารณารับสมัคร / หรือมีแผนงานอย่างเป็นทางการที่จะดึงดูดใจให้ผู้หญิงเข้ามาสมัครทำงานในแผนกไอที วิธีการที่เป็นที่นิยมเพื่อดึงดูดคือการฝึกอบรมพนักงานหญิงที่มีพื้นฐานด้านไอที (80%) ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งระบุว่ามีโครงการ / กำลังมีโครงการจะรับนักศึกษาหญิงเข้าฝึกงานโดยเฉพาะ (42%) และพร้อมฝึกอบรมผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติ (40%) นอกจากนี้พบองค์กร 22% ที่จ้างผู้สมัครเพศหญิงจากแผนกอื่นในองค์กรเพื่อเข้าแผนกไอที ขณะที่องค์กร 63% ระบุว่าจะจ้างเฉพาะผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเท่านั้นโดยไม่เกี่ยงว่าจะเพศใด อย่างไรก็ตาม CISO จำนวน 70% ระบุว่า การหาผู้เชี่ยวชาญไอทีที่มีทักษะในสาขาต่างๆ นั้นยากมาก จึงต้องมองหาช่องทางอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาช่องว่างของทักษะ (Talent Gap)

 

รายงานฉบับนี้ยังพบว่า ในส่วนของผู้นำด้านไอทีซีเคียวริตี้นั้นผู้บริหารชายมีจำนวนมากกว่าหญิง ผู้ตอบแบบสอบถามหนึ่งในห้า (23%) ระบุในแบบสอบถามว่าตนเองเป็นเพศหญิง อย่างไรก็ดี พบว่าผู้หญิงที่ทำงานในตำแหน่งบริหารแผนกไอทีซีเคียวริตี้มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามหญิงจำนวน 20% ระบุว่า ได้รับตำแหน่งผู้บริหารในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราเติบโตเป็นสองเท่าเมื่อเทียบผู้ชาย (10%)

 

“ข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ชี้ว่าสถานการณ์ในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป และในปัจจุบันเรากำลังขาดแคลนบุคลากรหญิง ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่สัดส่วนผู้ชายและผู้หญิงในองค์กร แต่ในการสัมภาษณ์ CISO ระบุว่าไม่มีผู้สมัครเพศหญิงเพียงพอ ดังนั้นเพื่อลดช่องว่างในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เราจึงอยากสนับสนุนและให้กำลังใจผู้หญิงให้พิจารณาเลือกสายงานนี้” เอฟเจนิยา โนโมวา รักษาการกรรมการผู้จัดการประจำทวีปยุโรป แคสเปอร์สกี้ กล่าว

 

แคสเปอร์สกี้ได้ริเริ่มสร้างชุมชนออนไลน์ ชื่อ “Women in Cybersecurity” เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าทางอาชีพของผู้หญิงในอุตสาหกรรมไซเบอร์ซิเคียวริตี้และสาขาอื่นๆ และยังจับมือกับ Girls in Tech เพื่อสนับสนุน AMPLIFY การแข่งขันเพื่อให้ทุนแก่สตาร์ตอัพที่มีผู้หญิงเป็นผู้ก่อตั้ง นอกจากนี้แคสเปอร์สกี้ยังจัดงาน CyberStarts ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือคนรุ่นใหม่และลดช่องว่างระหว่างเพศในสายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้

 

Mellanox Technologies นำเสนอโซลูชั่นระบบความปลอดภัยอนาคต และการเร่งประสิทธิภาพคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์

เปิดตัวเวิร์กช้อปการอบรมความรู้ใหม่ภายใต้ชื่อ “What Just happened” ในการช่วยผู้ดูแลระบบสามารถตรวจพบปัญหาประสิทธิภาพการทำงานของระบบเครือข่ายได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่จนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในระบบ

 

Mellanox Technologies เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ผู้นำด้านโซลูชั่นอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงแบบ End-to-End สำหรับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ประกาศเปิดตัวหลักสูตรการเรียนรู้ในประเทศไทยภายใต้ชื่อ “What Just Happened” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลและจัดการระบบเครือข่ายในประเทศไทยได้มีความเข้าใจ และสามารถระบุชี้ปัญหาในการทำงานของระบบเครือข่าย หรือแอพพลิเคชั่นได้ก่อนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในองค์กร ทั้งนี้ เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขึ้นที่โรงแรมไอบิสสไตล์บางกอกรัชดา โดยร่วมมือกับ Agile Distribution (Thailand) ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (VAR) ของเมลลาน็อกซ์ในประเทศไทย โดยได้รับความสนใจจากตัวแทนจากหลายภาคส่วนอุตสาหกรรมในประเทศไทยเข้าร่วมสัมมนา

 

โซลูชั่นการเชื่อมต่ออัจฉริยะของเมลลาน็อกซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูลด้วยการรองรับปริมาณงานสูงสุด ลดความหน่วงแฝง เพิ่มความเร็วการส่งข้อมูลสื่อสารกับแอพพลิเคชั่น  ปลดล็อคประสิทธิภาพให้ระบบ และยกระดับความปลอดภัย  ทั้งนี้เมลลาน็อกซ์เสนอทางเลือกที่ครอบคลุมการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนระบบเครือข่าย  ระบบประมวลผลหลายแกน  เน็ตเวิร์ดอะแดปเตอร์  อุปกรณ์สวิตช์  สายเคเบิ้ล  ไปจนถึงซอฟท์แวร์และระบบซิลิคอน เพื่อช่วยเร่งการทำงานของแอพพลิเคชั่นและผลลัพธ์ธุรกิจที่แตกต่างกัน  รวมถึงคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (HPC) ศูนย์ข้อมูล  ระบบคลาวด์  ระบบสตอเรจ  ระบบความปลอดภัยไซเบอร์  ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และบริการการเงิน

 

อีกทั้ง ภายใต้สถานการณ์ที่ระบบเครือข่ายล่ม หรือทำงานช้าลง  เมลลาน็อกซ์มีโซลูชั่นให้ผู้ดูแลและผู้จัดการระบบเครือข่ายตรวจสอบกิจกรรมเครือข่าย และวัดการตอบสนองของแอพพลิเคชั่น เพื่อระบุจุดและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่อระบบเครือข่ายหรือแอพพลิเคชั่นได้ก่อนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งองค์กร โซลูชันที่ทำงานเฝ้าระวังและสอดส่องระบบเครือข่ายแบบเรียลไทม์จะสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายในการวิเคราะห์ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเครือข่าย” และสามารถอธิบายต่อผู้ใช้และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบได้ทันที ไม่เสียเวลาในการตรวจสอบเหมือนในอดีต

 

สำหรับหลักสูตรการอบรมในครั้งนี้ นอกจากฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการระบุปัญหาเครือข่ายหรือการทำงานแอพพลิเคชั่นแล้ว ยังนำเสนอทิศทางแนวโน้มของการใช้งานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความทันสมัย  และแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ จากลูกค้า รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบระยะไกล (telemetry) ในการจัดการระบบเครือข่ายอัตโนมัติยุคใหม่ และยังได้นำเสนอเทคโนโลยีระดับผู้นำของเมลลาน็อกซ์ในอุปกรณ์ที่เรียกว่า SmartNIC (NIC คือ การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งทำหน้าที่ลดภาระการทำงานของระบบประมวลผลหลัก) และนำเสนอการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบเครือข่าย

 

“ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับเมลลาน็อกซ์  นับเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในระดับภูมิภาคและระดับโลกของบริษัท  ดังจะสะท้อนให้เห็นในความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทที่จะเพิ่มการลงทุนที่นี่ ซึ่งเมลลาน็อกซ์ตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่ง และนำความเชี่ยวชาญและความรู้ของเรามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ศูนย์ข้อมูลของลูกค้า และยังทำให้คู่ค้าในประเทศไทยของเมลลาน็อกซ์เติบโตไปพร้อมกัน” มร. ชาร์ลี ฟู รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เมลลาน็อกซ์กล่าวและได้เสริมว่า “การถือกำเนิดของนวัตกรรมใหม่ เช่น 5G, ระบบออโตเมชั่น, การเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์  (machine learning) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล้วนเป็นความท้าทายในการออกแบบระบบเครือข่ายและประสิทธิภาพการทำงานของระบบคลาวด์อย่างไม่ต้องสงสัย เมลลาน็อกซ์จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในไทยเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลรุ่นต่อไป เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และปลดล็อกเพื่อก้าวออกสู่โอกาสใหม่ๆ ไปกับลูกค้าของพวกเขา”

 

ข้อมูลของไอดีซีระบุว่าภายในปีพ.ศ. 2565 ร้อยละ 61 ของ GDP ของประเทศไทยจะถูกทำให้เป็นดิจิทัล ทุกอุตสาหกรรมจะมีการเติบโตอันมาจากแรงขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับการส่งเสริมทางดิจิทัล การดำเนินการและปฎิสัมพันธ์ สร้างให้เกิดตัวเลขการใช้จ่ายสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับไอทีถึง 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2565  โดยคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ. 2565 นั้น ร้อยละ 60 ของรายจ่ายด้านไอทีจะถูกใช้จ่ายไปกับเทคโนโลยีที่อยู่บนแพลตฟอร์มยุคที่ 3 นี้ โดยที่มากกว่าร้อยละ 30 ขององค์กรทั้งหมดจะเดินหน้าสร้างสิ่งที่เรียกว่า “Digital-native” ให้กับระบบไอทีให้พร้อมรับการระบบเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และในบริบทที่สอดคล้องกันจะมีองค์กรในไทยอีกราวร้อยละ 20 ที่ยังคงมีการใช้งานระบบคลาวด์จะรวมเทคโนโลยีอย่าง Edge Computing เข้าไว้ด้วย อีกร้อยละ 25 ที่ใช้งานอุปกรณ์ปลายทาง (endpoint devices) และระบบจะต้องหันมารองรับการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาใช้งาน