[Dudes next door]นาระ : ฝนตก กางร่ม ชมกวาง

 

nara-0-5

 

ฤดูฝนจริงๆ ก็อาจจะไม่ได้เรียกว่าฤดูฝน น่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นเสียมากกว่า เราได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง ประเทศที่ไปกี่ครั้งๆ ก็ยังตกหลุมรักไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะแถบคันไซ ถือเป็นสถานที่โปรดปรานของใครหลายคน รวมถึงเราด้วยทีเดียว

 

 

nara-cover

 

รอบนี้อยากพาทุกคนไปเที่ยวเมืองนาระกันค่ะ ปกติแล้วเขาจะโด่งดังค่อนข้างมากในเรื่องวัดหลวงพ่อโต หรือวัดใหญ่โทไดจิ แต่รอบนี้เราไม่ได้พาไปเที่ยวชมวัดใหญ่ เราพาไปเจอไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้มากกว่า ก็คือ น้องกวางนั่นเอง!

 

 

nara-10

 

กวางในนาระนี่ไม่กลัวคน เหมือนน้องหมาแถวบ้านเรา เดินเล่นให้ว่อนรอบเมืองเลย พวกนางมีความน่ารัก ขี้เล่น เป็นกันเอง(บางครั้งมากเกินไป๊ปปป) กล่าวคือ นางงับนะจ๊ะ นี่บอกเลย เวลาเราซื้อขนมเซมบ้าซึ่งมีขายทั่วไปตามเบี้ยบ้ายรายทาง ถ้าพวกนางเห็นล่ะก็ จะวิ่งเข้าหาราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบสิบปีเลยครัชพี่น้อง

 

 

nara-09

 

น่ารักดี ใครแวะเวียนเยี่ยมเมืองนี้ ก็อยากให้ลองแวะไปเยี่ยมน้องกวางดูนะ ซื้อหนมป้อนเค้าถือเป็นค่าตอบแทนที่เราแชะภาพสวยๆของเค้าก็ได้ แต่ถ้าใครกลัวโดนกัดก็ ยืนดูความน่ารักห่างๆอย่างห่วงๆ ไปก่อนละกันเน้อออ

พิกัดที่มีกวางเยอะๆก็คือทางเดินไปวัดใหญ่โทไดจิเลย หน้าวัดนี่มีเพียบขอบอกก แล้วอย่าลืมไปมุดรูอุโมงค์ไม้ในวัดนะครัช (แอดไม่กล้ามุด กลัวติดพุงงงง)

ไปละข่ะ ไว้มาใหม่
รักนะชุ้บๆ
-แอดชิวหา-

 

nara-08

 

nara-07

 

nara-06

 

nara-03

 

nara-0_

 

nara-02

 

nara-01

 

nara-11

 

nara-04

 

[Dudes Next Door]ญี่ปุ่น คันไซ อุ่นไอรัก : ดอกไม้ผลิบานที่โกเบ #kobe01

Thailand Indy สวัสดีต่างแดน : DUDES NEXT DOOR

ตอน ญี่ปุ่น คันไซ อุ่นไอรัก : ดอกไม้ผลิบานที่โกเบ #kobe01

kobe-nunobiki-herb03

ตะวันบ่ายคล้อย แสงแดดอ่อนๆรำไรลอดไม้ไผ่มากระทบที่ดวงตา โอโต้ซังกำลังเปิดแผนที่เมืองใกล้กับที่เราอยู่ในตอนนี้ โอโต้ซังเล่าว่าเมืองนี้จากที่นี่คงเดินทางไปไม่ไกล เราจึงเริ่มวางแผนเรื่องราวของวันพรุ่งนี้กัน

แม้ว่าเกียวโตจะเป็นที่แรกที่เราได้ทำความรู้จัก (หลายครั้งหลายคราแล้วก็ตาม) แต่ครั้งนี้อยากจะเริ่มทักทายกับอีกเมืองน่ารักของดินแดนอาทิตย์อุทัยก่อน เชื่อว่าหลายคนคงเคยแวะมาลองลิ้มชิมรสเนื้อยากินิขุขึ้นชื่อของที่นี่บ้างแล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่กินเนื้อวัว ประเด็นนี้จึงพับไป ถึงอย่างไร “โกเบ” แห่งนี้ ก็ไม่ได้สวยงามน้อยลงเลย

ใช่แล้ว…วันนี้จะพาไปเที่ยวโกเบกัน

kobe-nunobiki-herb08

เมืองโกเบเป็นเมืองญี่ปุ่น แต่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเป็นตะวันตก เพราะหากย้อนอดีตไปแล้ว ยามที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศเพื่อเริ่มทำการค้าขายกับตะวันตก ท่าเรือโกเบเป็นท่าเรือสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่เหมือนเป็นศูนย์รวมแหล่งการค้านานาชาติ หลังจากนั้นก็มีชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองโกเบ

kobe-nunobiki-herb27

โกเบนั้นขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวัว หลายคนมักจะอยากไปอิ่มอร่อยกับรสชาติอันนุ่มลิ้นที่ขึ้นชื่อของที่นี่ แต่ครั้งนี้อย่างที่บอกด้วยความที่เราไม่ทานเนื้อวัวเลยอดพาไปรีวิว ขออภัยท่านผู้อ่านมา ณ ที่นี้ แต่ไม่ต้องเสียดายไป ครั้งนี้เราจะพาท่านไปอิ่มอร่อยกับอีกหนึ่งสุดยอดเมนูของโกเบ ที่อยากจะแนะนำให้ไปลองในตอนถัดไปเราจะแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับสิ่งนั้น!

kobe-nunobiki-herb17

kobe-nunobiki-herb02

เริ่มต้นเดินทางมาที่แรกที่ Kobe Nunobiki Herb Gardens & Ropeway แปลเป็นไทย(ด้วยตนเอง)เล่นๆว่า สวนสมุนไพรนุโนบิขิ และกระเช้าลอยฟ้าแห่งโกเบ ถ้าหากขึ้นไปที่นี่ในช่วงหน้าซากุระก็จะเป็นซากุระบานสะพรั่งเลยทีเดียว ดอกไม้ผลิผลัดตามฤดูกาลที่ผันผ่าน แต่ไม่ว่าเช่นไรที่นี่ดูเหมือนถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีในการจัดแสดงความสวยงามตามธรรมชาติ แย้มบานยิ้มหวานให้กับผู้คนที่มาเที่ยวได้เชยชมกับดอกไม้นานาพรรณในแต่ละช่วงของปีอยู่แล้ว  แม้บางพื้นที่ บุษบาเหล่านั้นจะยังไม่บานสะพรั่ง แต่ด้วยอากาศหนาวนิดๆ และบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาทำให้ที่นี่ดูโรแมนติกจับใจทีเดียว

kobe-nunobiki-herb14

kobe-nunobiki-herb04

kobe-nunobiki-herb10

kobe-nunobiki-herb25

การวางพื้นที่ของที่นี่ดูลำดับสัดส่วนได้กำลังดีนัก เมื่อนักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดสูงแล้ว เราอาจจะสามารถแวะทานร้านอาหารที่ View Rest House ด้านบน ที่หน้าต่างเป็นกระจก และเห็นวิวทิวทัศน์งดงามของบ้านเมืองเขาได้ หรือจะเดินลงมาอีกนิดหนึ่งเพื่อที่จะมาจิบชาในเรือนกระจก ซึ่งส่วนนี้ก็มีอาหารขายเล็กน้อย แต่เน้นที่ชาสมุนไพรมากกว่า แล้วนอกจากนั้นเดินผ่านเรือนกระจกเข้ามาอีกนิดยังมีพื้นที่ให้ออนเซ็นเท้า ท่ามกลางกลิ่นหอมของพฤกษานานาพรรณที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์พร้อมกับธรรมชาติที่แสนสวยให้เราได้พักผ่อน และหย่อนลมหายใจ

kobe-nunobiki-herb26

หากใครอยากไปเพลิดเพลิน เจริญธรรมชาติแล้วที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากจะแนะนำ ถ้าให้อธิบายก็คล้ายกับเมืองเหนือของบ้านเรา ดอกไม้ของบ้านเราบางพื้นที่อาจจะสวยกว่า แต่ชอบฟังก์ชั่นต่างๆของที่นี่ มีทั้งร้านอาหารดูวิวริมยอดเขา กระเช้าลอยฟ้า ไอติมลาเวนเดอร์ หรือแม้กระทั่งฮอลล์จัดแสดงคอนเสิร์ตเขาก็มีให้นะเออ

kobe-nunobiki-herb15

kobe-nunobiki-herb21

พอเราเดินทางด้วยลมพัดเย็นนิดๆ โชคดีที่ฝนไม่ตก (ใจเต้นๆต่อมๆอยู่รอมร่อ) แต่สุดท้ายฟ้าฝนก็เป็นใจ อากาศกำลังเย็นสบายทำให้เราเดินชิวกันเพลิน ดอกไม้ริมสองข้างทางดูสวยดี ที่นี่เขาจะจัดดอกไม้ตามฤดูกาลค่ะ คือจริงๆแล้วก็ปลูกไว้หมดแหละ แต่ดอกไม้ก็จะบานตามฤดูของเค้าเอง อย่างเราไปเจอปลายๆซากุระ ก็ยังมีสองสามต้นที่มีดอกบานให้เห็น ถ้าถามว่าจริงๆสวยขนาดนั้นมั้ย เอาไว้ถ่ายรูปลงบนเฟซบุ๊คก็ยังพอไหว แต่ถ้าจะให้ตราตรึงใจคงจะต้องมาเร็วกว่านี้สักสองอาทิตย์​น่าจะบานสะพรั่งให้ได้ยลกันเลยทีเดียว สำหรับตารางการบานของดอกไม้ก็ตามรูปด้านล่างนี้เลยจ่ะ ซึ่งหากดูตามฤดูกาลแล้ว เชื่อได้เลยว่าฤดูอากิ หรือ ฤดูที่ใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยไม่แพ้ที่ไหน

herb-calenderCredits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

kobe-nunobiki-herb11

kobe-nunobiki-herb12

kobe-nunobiki-herb09

ที่นี่แบ่ง Facilities เป็นหลายส่่วน เดี๋ยวเราจะแอบยกข้อมูลจากเว็บ Original มาฝากทุกท่านไว้ในอ้อมอกอ้อมใจละกันนะคะ

ไม่ว่าจะเป็น

View Rest House

view-rest-house

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

View Rest House เป็นสถานที่ที่คุณสามารถอิ่มเอมไปกับอาหารแสนอร่อยที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และร้านรวงต่างๆมากมาย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็น Indoor แต่คุณก็สามารถสัมผัสการตกแต่งด้วยสมุนไพรต่างๆ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ

Mori no Hall (Concert Hall in Forest)/ Fragrance Museum

mori-no-hall

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

เป็นฮอลล์ที่สร้างขึ้นจากไม้ สถานที่ยอดฮิตสำหรับแสดงคอนเสิร์ตแนวอะคูสติก รวมไปถึงที่แห่งนี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์น้ำหอมที่จัดแสดงน้ำหอมทางประวัติศาสตร์ไว้มากมายอีกด้วย

Glasshouse

glass-house

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

สามารถเยี่ยมชมพันธุ์ดอกไม้นานาชนิด รวมถึงผลไม้ต่างตลอดทั้งปีได้ที่เรือนกระจกแห่งนี้

Hanging Baskets (Glasshouse)

hanging-basket

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

สามารถถ่ายรูปกับพวงดอกไม้ที่ห้อยระยะจัดแสดงอยู่ในเรือนกระจกอีกด้วย

Herbal Footbath

footbaht

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

นอกจากนั้น ยังเพลิดเพลิน ผ่อนคลายไปกับออนเซ็นเท้าที่อยู่ติดกับเรือนกระจก ที่นี่ยังแสดงทัศนียภาพของเมืองโกเบไว้อีกด้วย

ต่อมาเราได้มารับประทานอาหารกันที่สวนสมุนไพรแห่งนี้นี่แหละ อาหารรสชาติกำลังโอเค เราสั่งข้าวแกงกะหรี่ไก่มากิน อาหารจานพอเหมาะ แต่ทีเด็ดเห็นจะเป็นชาสมุนไพรเต็มไม่อั้น มองข้างหลังเห็นเกิร์ลแก๊งแห่งแดนอาทิตย์อุทัยกำลังจิบชาพร้อมหัวร่อต่อกระซิก คิกคักกันอย่างสนุกสนาน นอกจากเหมาะแก่การมาแฮงเอ้าท์กับเพื่อนแล้ว ยังเป็นบรรยากาศที่สบายๆ คล้ายอยากให้เรานั่งทอดตัวอยู่ตรงนี้ไปอีกนานๆทีเดียว เพราะกระจกใสที่โอบรอบร้านนั้นทำให้เราเห็นบรรยากาศไปทั่วทั้งเมืองโกเบ

kobe-nunobiki-herb03

kobe-nunobiki-herb23

kobe-nunobiki-herb20

หลังจากผ่อนคลายที่สวนสมุนไพร เราเดินทางต่อเข้าสู่อารยธรรมแห่งตะวันตกอย่างแท้จริง ติดตามเรื่องราวของโกเบได้ในตอนต่อไปนะจ๊ะ.

Sandp1989

kobe-nunobiki-herb19

kobe-nunobiki-herb24

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อยากเดินทางไปเยี่ยมชม

ค่่าขึ้นกระเช้า + ค่าชมสวน
ผู้ใหญ่(ไปกลับ) : 1,400 เยน
เด็กนักเรียน (ไปกลับ) : 700 เยน
ผู้ใหญ่(เที่ยวเดียว) : 900 เยน
เด็กนักเรียน (เที่ยวเดียว) : 450 เยน
ราคาหลัง 5 โมงเย็น
ผู้ใหญ่(ไปกลับ) : 800 เยน
เด็กนักเรียน (ไปกลับ) : 500 เยน

Screen shot 2015-11-05 at 9.45.35 PM

วิธีการไป

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index4.html

Screen shot 2015-11-05 at 9.45.54 PM Screen shot 2015-11-05 at 9.45.42 PM

The Ritz-Carlton, Osaka ความหรูหราระดับห้าดาว ณ โอซาก้า

สวัสดีทุกท่านอีกครั้งนะคะ สำหรับคอลัมน์สัญจรเล็กๆ ของ Saturday Night เมื่อครั้งมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่โอซาก้า ณ เมืองอาทิตย์อุทัยมา  ด้วยเหตุที่โอนี่ซังพี่ชายชาวญี่ปุ่นสุดหล่อของเราแต่งงาน และได้มีโอกาสได้พักผ่อนที่โรงแรม The Ritz Carlton ใจกลางเมืองโอซาก้า

จริงๆแล้ว The Ritz Carlton นี่มีหลายสาขานะ แต่ก่อนยังไม่ค่อยรู้จักแต่พอได้มาพักเลยต้องรีบไปทำความรู้จักทันที ฮ่าๆ หลังจากที่เข้าไปก็พบกับความโ่อ่อ่าของล๊อบบี้ที่เน้นโทนสีน้ำตาลขอไม้ต้นใหญ่ ดวงไฟสีส้มจากแชนเดอร์เลียร์ตรงกลางทำให้ห้องดูสว่างไสวในฟีลอบอุ่น แขกเหรื่อที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ เพราะเห็นใส่สูทเดินไปมาขวักไขว่อยู่หลายท่าน และสำหรับ The Ritz Carlton นี่ที่ดีมากกว่าความสวยคือทำเลอยู่ใจกลางโอซาก้า และห่างจากสถานีรถไฟไม่ไกลเลยค่ะ  เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน Nishi Umeda (西梅田) โดยเดินเพียงแค่ 5นาที อีกทั้งสถานี Nishi Umeda นี้ยังเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟอื่นๆที่สำคัญ โดยเฉพาะ สถานี Umeda (梅田)(สามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ที่ >> https://en.wikipedia.org/wiki/Nishi-Umeda_Station) ซึ่งเป็นสถานีท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้าทีเดียวค่ะ

 

 

ritz-carlton21

 

ritz-carlton26

 

ritz-carlton27

สำหรับThe Ritz Carlton ใครอยากช๊อป ชม ชิว ไม่ต้องห่วงเลยนะคะ เพราะใกล้กับห้างที่เชื่อมกับสถานีอุเมดะที่ได้บอกไปคือห้างชื่อดังอย่าง Hanshin และ Daimaru ซึ่งจริงๆแล้วใครอยากได้บรรยากาศอารมณ์เหมือนเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ แนะนำที่ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าต่างๆเลยค่ะ ที่นั่นคุณจะได้พบกับซุปเปอร์มาเก็ต ที่เรียงรายไปด้วยร้านขายอาหารอร่อย สุดยอดขนมชิ้นโต สตอเบอรี่ชิ้นอวบ พูดไปก็น้ำลายสอ แล้วอย่าลืมนะคะ ใครที่ไปช๊อปปิ้งอย่าลืมไปเอา Tax Refund ลองเช็คกับประชาสัมพันธ์แต่ละห้างดูว่าอยู่ที่ชั้นไหน ที่ห้างเขาเคยชินกับการขอคืนภาษีของเราอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสะดวกดีค่ะ อาจจะต่อคิวนิดหน่อยแต่ได้เงินคืนเอาไปซื้อขนมอร่อยๆได้นะ

ritz-carlton22

 

ritz-carlton25

 

ข้ามเรื่อง The Ritz Carlton มานานเชียว เล่าให้ฟังต่อสำหรับใครที่อยากจะช๊อปปิ้งเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้า ตรงข้ามโรงแรมเยื้องไปหน่อยจะมีร้านที่ชื่อ Yodobashi ค่ะ แนะนำให้ซื้อที่ร้านนั้นเพราะราคาไม่แพง และทำ Tax Refund  ได้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีความกังวลตรงที่ว่าเวลาเราซื้อกล้อง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ามา เขาจะรับประกันเฉพาะแต่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ได้เป็น World Insurance ยังไงก็ชั่งใจให้ดีนะคะ แต่ถ้าเราคิดว่าเรารักษาของได้ดี แนะนำค่ะ ราคา และคุณภาพที่นี่จัดว่าเด็ดทีเดียว

 

ritz-carlton28

 

เล่ามา 3 พารากราฟยังไม่ได้เข้าเรื่องตัวโรงแรมเสียที คิคิ ของข้างนอกมันน่าตื่นตาตื่นใจพอๆกับโรงแรมเลยค่ะ ภายในโรงแรมก็เน้นโทนสีน้ำตาลค่ะ ชั้นต่างๆก็จะประดับประดาไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ประดับชิ้นโต โอ่อ่า ดูอย่างตู้วางจานด้านล่างนี่ประดับอยู่ในชั้นที่เราพัก ก็เป็นสไตล์ของที่นั่น หรูหรา ดูเป็นยุโรเปี้ยนสมัยโบราณกาล ตามคอนเซ็ปที่เขาได้กล่าวไว้ในเว็บไซต์​ (http://www.ritzcarlton.com/en/Properties/Osaka/Default.htm)

Pass through the Gateway of Western Japan and marvel at ancient traditions and accents that punctuate the ultra-modern landscape. The Ritz-Carlton, Osaka business hotel is a place of elegant serenity and ease, yet is perfectly placed amidst the bustling activity of the city’s center.

ritz-carlton14

 

ritz-carlton34

 

ritz-carlton12

 

เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนก็จะพบกับเตียงไม้สุดคลาสสิคที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมเตียงครึ่งผืนสีทองขาว พอวางกับหมอนอิงสีฟ้าอ่อนโทนเดียวกับผ้าม่านแล้วดูเข้ากันได้ดีมากเลย ด้วยส่วนตัวอาจจะชอบสีฟ้าอยู่ด้วแล้ว ทำให้เข้าห้องนอนมาแล้วรู้สึกสบายใจอยากจะหลับใหลอยู่บนเตียง ส่วนตามห้องก็ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสีน้ำเป็นรูปดอกไม้นานาชนิด เพลิดเพลินเจริญใจดีนะ ที่ประทับใจยิ่งกว่าคือทั้งห้องเขาสามารถหาเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่งเป็นสีโทนเดียวกันหมด พอเอามารวมกันหมดแล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นห้องที่คล้ายกับอยู่บ้าน รู้สึกน่าพักผ่อน และหย่อนตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม นอกจากนั้นแล้วมุมด้านข้างก็จะพบโซฟาตัวเดี่ยวที่ยืดขาได้อย่างสบายในสีโทนเดียวกัน  หลังจากนั้นพอมองผ่านกระจกบานใหญ่ออกไป แล้วก็พบกับวิวของเมืองโอซาก้า ตึกสูงระฟ้าแต่ไม่ได้ดูขัดหูขัดตาเพราะท้องฟ้าเป็นใจ ฮะ ฮิ้ววว คือท้องฟ้ากว้างใหญ่พออยู่กับวิวตีก และแม่น้ำ การมองเห็นบนชั้นสูงของโรงแรมนี้ทำให้ภาพนี้ดูเข้ากันดีไม่ขัดใจ จัดว่าชอบ ฮ่าๆๆ

ritz-carlton09

 

ritz-carlton08

 

ritz-carlton02

 

ritz-carlton03

 

ritz-carlton10

 

ritz-carlton11

 

ritz-carlton07

 

ritz-carlton06

 

ritz-carlton04

 

ที่ประทับใจนอกจากห้องนอนแล้ว เห็นจะเป็นห้องน้ำนี่แหละค่ะ โอ่อ่า สีสะอาดตา น่าแหวกว่ายมาก คือบอกเลยว่าครั้งนี้ไปใช้เวลากับห้องน้ำนานมากมีการแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน เป็นห้องส้วม ห้องอาบน้ำแบบชาวเวอร์ และ โซนอาบน้ำที่เป็นแบบอ่าง เลือกไม่ถูกเลย แต่งานนี้ขอเข้าห้องที่นั่งได้ก่อนละกัน อุอิ บรรยากาศแสงไฟ ทุกอย่างในห้องน้ำเป็นใจมาก นอกจากนั้นแล้ว เขายังใช้ครีมอาบนำ้ที่ชื่อว่า Asprey กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับอยู่ในสปาทำให้เราถึงขั้นต้องออกค้นหาว่ามีขายที่ไหน (ข้างล่างตรงล๊อบบี้มีช๊อปนะคะ แต่ราคาเอาเรื่องเลยกลับมาอุดหนุนสินค้าคล้ายๆกันบ้านเราแทน อิอิ)

สำหรับเราแล้วส่วนตัวเลยชอบในความละเอียดของโรงแรม ไม่วาจะชุดนอนที่เตรียมให้ (ส่วนใหญ่โรงแรมญี่ปุ่่นจะมีชุดนอนเตรียมไว้ให้นะ) ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ขวดน้ำ แก้ว และทุกๆอย่างมีตราสัญลักษณ์ของโรงแรมประทับไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นการปัก เย็บ ถักร้อย สกรีน ทุกอย่าง เรารู้สึกว่าเขาให้ Branding และของใช้ทุกชิ้นเป็นอย่างดี เลยทำให้ยิ่งรู้สึกว่าเขาพิถีพิถันในเรื่องต่างๆมากเลย

 

ritz-carlton-bathroom

 

ritz-carlton15

 

ritz-carlton38

 

มาถึงโซนฟิตเนส เข้ามาก็ยังเจอแชนเดอร์เลีย ราวกับ Sia มาร้องเพลงให้ฟัง…อ๊ะไม่เกี่ยวสินะ ฮ่าๆๆ ทุกพื้นที่ของที่นี่ไม่หลุดคอนเซ็บของความหรูหราและโอ่อ่าค่ะ ทางเข้าฟิตเนส และสปายังคงอลังการงานสร้าง ราวกับผู้ดีอังกฤษในยุคกาลก่อนมาก่อนสร้างสิ่งงดงามนี้ไว้ ศิลปะที่ใช้โคมใหญ่ รูปปั้น และวอลเปอเปอร์สุดอลังการ รวมถึงไม้สีเข้ม  แถมด้วยเตาผิง ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนเขาก็ยังทำออกมาได้อย่างไม่หลุดคอนเซ็ป ฟิตเนสก็เช่นเดียวกัน แม้ไม่ได้เล่น แต่รักหมดใจ พูดเลยยย จริงๆมีสระว่ายน้ำด้วยนะคะ แต่เห็นหนุ่มยุ่นว่ายน้ำอยู่ไม่กล้าถ่ายมา กลัวเลือดกำเดาพุ่ง เอ๊ย ไม่ใช่ กลัวละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเขามาเกินไป ใครอยากเห็นสระว่ายน้ำสามารถคลิกเข้าไปดูที่เว็บ http://www.ritzcarlton.com/en/Properties/Osaka/Default.htm ได้เลย หรูหราดีงามทีเดียว


ritz-carlton32

 

ritz-carlton31

 

ritz-carlton29

 

ritz-carlton30

ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของอาหาร อาหารเช้ามีให้เลือกสารพัดสารเพ ทั้งเจแปนนิสสไตล์ และเวสเทิร์นสไตล์ มี EGG STATION แปลสั้นๆว่าสถานีไข่ ให้เราได้เลือกเมนูไข่ที่เราชื่นชอบแล้วคุณเชฟก็จะทำให้เดี๋ยวนั้น มีตั้งแต่ไข่ดาว ยันเอ้กเบเนดิกส์ แถมมี โคลด์คัทวางให้เราได้ไปกวาดทั้งพาร์ม่าแฮม ซาลามี่ มารับประทานกันให้เพลิดเพลินปาก แถมไปปิ้งขนมปังนานาชนิดมาให้เพลิดเพลินใจ อาหารอร่อยจนต้องตักแล้วตักอีก อันนี้ไม่ได้อวย แต่กินไปเยอะจริงๆ คือชอบมากกกฮ่ะะะะ

 

ritz-carlton-breakfast

 

ritz-carton39

 

ritz-carlton24

 

 

ถ้าจะให้พูดความประทับใจสำหรับ The Ritz Carlton แห่งเมืองโอซาก้า แล้ว ต้องบอกเลยว่าประทับใจในการให้สีสัน และสไตล์ที่ชัดเจน ถ้าจะเปรียบกับคาแร็คเตอร์ของคน The Ritz Carlton แห่งเมืองโอซาก้า ทำให้เราคิดถึงชายหนุ่มผู้ดีอังกฤษที่มีความสุขุม เข้มแข็งด้วยความโอ่อ่า และโทนสีที่ใช้ หากแต่อบอุ่น และละเอียดอ่อน ด้วยรายละเอียดภายในห้องต่างๆ รวมถึงการให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น และการเลือกสรรเมนูอาหารอย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปเช่นเดียวกัน หากใครมีโอกาสได้ไปก็อยากให้ได้ไปพักผ่อน และเดินเล่นชมโรงแรมกันนะคะ แต่ถ้าหากจะให้พูดถึงข้อเสียเปรียบของโรงแรมนี้แล้ว The Ritz Carlton ถ้ามองในมุมที่ยามนี้มีคู่แข่งเป็นโรงแรมสวยๆที่ถูกผลิตในหัวเมืองใหญ่ขึ้นมามากมายแล้ว The Ritz Carlton ถือว่าราคาค่อนข้างสูงทีเดียวสำหรับยุคดิจิตัลนี้ที่มีดีลออนไลน์ของโรงแรมผุดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตามเมื่อเราลองดูช่วงเดือน พฤศจิกายน  (ประมาณวันที่ 8 พ.ย.นี้ เพราะว่าที่เกียวโตจะมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Arashiyama)ราคาของ The Ritz Carlton จะอยู่ที่ประมาณ​ 15,000++ เปรียบเทียบจากตารางด้านล่างนี้ด้วยเว็บไซต์ www.hotelscombined.com 

 

 

 

Screen shot 2015-09-01 at 12.47.23 AM

cr. http://kyoto.travel/en/planyourvisit/events/schedule/75

Screen shot 2015-09-01 at 12.49.47 AM

 

 

แผนที่โรงแรม 

 

Screen shot 2015-08-31 at 11.49.26 PM

 

 

     ระยะทางระหว่างสนามบิน และโรงแรม 

  • Osaka International Airport (11.2Km)
  • Kansai International Airport (37.1Km)

 

ทั้งนี้ใครอยากลองไปสัมผัสบรรยกาศหรูหราสไตล์ยุโรปใจกลางเมืองญี่ปุ่นดูสักที จะยกมือบอกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ใครเคยบอกว่าโรงแรมญี่ปุ่นจะต้องเล็กและแคบ งานนี้คุณจะบอกได้ว่ามันไม่จริง! (แล้วแต่ที่น่ะน่ะ ฮ่าๆๆ) อย่างไรก็ตามคิดว่า The Ritz Carlton เป็นโรงแรมที่ดีอีกแห่งหนึ่งที่ใส่ใจทั้งคุณภาพ และบริการ หากใครมีโอกาสไปอย่าลืมกลับมาเล่ามาแชร์ให้ฟังนะคะ เปิดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ritzcarlton.com/en/Properties/Osaka/Default.htm เลย วันนี้ขอตัวไปเขียนสถานที่เที่ยวต่างๆเพิ่มเติมก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาหาใหม่

สวัสดี แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า

Saturday Night.

 

รวมภาพ bento ที่ต้องคิดหนักมากก่อนจะหยิบเข้าปาก

bento (เบนโตะ) หรืออาหารกล่องสไตล์ของคนญี่ปุ่น คล้ายปิ่นโตของบ้านเราค่ะ 😉  bento เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากๆในญี่ปุ่น

วันนี้เราได้รวบรวมภาพการตกแต่ง bento น่ารักหน้าตาดี ที่หลายคนเห็นแล้วจะต้องเสียดายที่จะต้องกลืนลงคอ เพราะมันน่ารักจริงๆค่ะbento bento bento bento bento bento

เป็นไงล่ะ หิวกันหรือยัง ว่าแต่จะกินลงจริงๆหรอ

Fushimi Inari Taisha ศาลเทพอินาริและสุนัขจิ้งจอกหลังฝนพรำ


fushimi-inari-taishi15

 

Dudes Next Door

EP. เกียวโตที่รัก ปฐมบท / ศาลเทพจิ้งจอกหลังวันฝนพรำ

บ่ายย่ำเย็นเกือบตะวันคล้อย ลมแรงพัดละอองฝนปะทะใบหน้าเมื่อประมาณชั่วยามที่ผ่่านมา บัดนี้เมืองใหญ่อย่างเกียวโตกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งธรรมชาติ และร่องรอยแห่งความชื้น ผู้คนต่างกางร่มใสแบบ 500 เยนตามร้านสะดวกซื้อบ้าง หรือลวดลายสีสันสดใสที่พกมาจากบ้านตามที่ได้ฟังพยากรณ์อากาศไปเมื่อเช้ากันให้ขวักไขว่  แต่เรายังคงมีจุดหมายเดิมตามแผนการท่องเที่ยวที่ได้คุยกับโอโต้ซังเอาไว้

 

วันนี้จะไปเยี่ยมเยียนท่านสุนัขจิ้งจอกกัน

 

fushimi-inari-taishi05

สถาปัตยกรรมแนวญี่ปุ่นโบราณตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า หากใครเปรียบเมืองเกียวโตเหมือนความสดใสนั่นคงจะปฎิเสธไม่ได้เป็นแน่แท้ เพราะหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ขับให้ภาพที่ว่านั้นชัดเจนขึ้นเห็นจะเป็นศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ แห่งนี้ ศาลเทพเจ้าสีส้มสด ไม่ว่าไปกี่ครั้งความสดนี้ก็ยังคงอยู่ ดูติดตา และไม่เลือนไปจากใจ คล้ายกับสถาปัตยกรรมหลายที่ของเกียวโต ไม่ว่าจะเป็น วัดทองอย่าง คินคางุจิ หรือ คิโยมิสึเดระก็ตาม  มองไปแล้วก็อดย้อนคิดไปถึงวรรณกรรมญี่ปุ่นโบราณสุดโรแมนติกแห่งเมืองเกียวโตอย่างเก็นจิโมโนกาตาริไม่ได้ ช่างระยิบระยับวับวาวนัก

fushimi-inari-taishi04

ศาลเจ้าฟูชิมิอินารินี้ เป็นศาลของท่านเทพเจ้าอินาริ ท่านเทพเจ้าอินาริเป็นเทพเจ้าที่คอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องของพืชผล เกษตรกรรม และผู้ที่เป็นตัวแทนของท่านนั้นก็คือสุนัขจิ้งจอก https://Meet-Babes.com ตามตำนานเล่าว่าสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้จะนำความอุดมสมบูรณ์มาให้แก่บ้านเมือง และเมื่อเราได้เดินเข้าไปเราก็จะเป็นรูปป้านของท่านสุนัขจิ้งจอกนั้นเรียงรายอยู่มากมาย แต่คงจะไม่มากมายเท่ากับเสา “โทริอิ” สีส้มสดที่เรียงรายกันเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว ศาลเจ้าฟูชิมิอินารินี้ ถูกสร้างโดยจักรพรรดิ “มุราคามิ” ในยุคเฮอัน อันแสนรุ่งเรือง องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้สร้าง ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์จำนวน 16 ศาล เพื่อให้องค์คามิซามะ (เทพเจ้า)ปกป้องคุ้มครองญี่ปุ่นในสมัยนั้น และศาลของเทพเจ้าอินาริ ก็เป็นหนึ่งใน 16 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วย

fushimi-inari-taishi16

เดินเข้าไปข้างในศาลของเทพเจ้าอินาริแล้ว สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นเสาสีส้มแดงที่เรียงรายและทอดยาวอย่างสวยงาม แต่เดิมทีแล้วเสา “โทริอิ” นี้ถูกสร้างขึ้นโดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ไดเมียวคนสำคัญของญี่ปุ่นในยุค ทั้งยังเป็นผู้สร้างโอซาก้าโจว​(ปราสาทโอซาก้า)อีกด้วย เมื่อโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ได้สร้างเสา “โทริอิ” ต้นแรกแล้ว หลังจากนั้นบรรดาเศรษฐี บริษัท ห้างร้านต่างๆ ก็ได้มาสร้าง “โทริอิ” ให้ยาวต่อเนื่องไปจนถึงยอดเขา “อินาริ” เนื่องจากพวกเขาเชื่อกันว่า การสร้าง“โทริอิ” ถวายเทพเจ้าอินาริ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งพืชพรรณและความอุดมสมบูรณ์นั้น จะทำให้พวกเขาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และหน้าที่การงานด้วย

ขอเล่าเรื่องของโทริอิ ให้ฟังเสียสักหน่อย โทริอินั้น มีรากฐานภาษาญี่ปุ่นมาจากคำว่า 鳥居 ไปเปิดวิกิพิเดียเขาว่ามันควรจะแปลว่า “ที่พักของปักษา” เพราะเนื่องด้วยตัวอักษรตัวแรกซึ่งอ่านว่า “โทริ” นั้นแปลว่า นก นั่นเอง โทริอิ ถ้าแปลให้เข้าใจตามความหมายของบ้านเราก็คือ “ซุ้มประตูศักดิ์สิทธิ์” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของศาสนา “ชินโต” ซึ่งหลังจากที่เราได้เดินผ่านโทริอิเข้าไปในอาณาเขตของศาลเจ้าแล้ว นั่นหมายความว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กรุณาอย่าทำอะไรไม่ดีในที่แห่งนี้ เป็นต้น

fushimi-inari-taishi03
บรรยากาศฟุชิมิอินาริหลังฝนพรำ ดูอบอุ่น และสงบ

 

fushimi-inari-taishi02
รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกอยู่ทุกหนทุกแห่งในบริเวณนี้

 

fushimi-inari-taishi08
มีความเชื่อว่าเทพเจ้าอินารินั้นสามารถจำแลงเป็นสุนัขจิ้งจอกได้ด้วย

fushimi-inari-taishi09

วันนี้โอโต้ซังขับรถพามา แต่โอโต้ซังบอกว่าการเดินทางมาฟุชิมิ อินาริไม่ยากอย่างที่คิดนั่งรถไฟ JR จากสถานี Kyoto ด้วย Nara Line ลงสถานี JR Inari แล้วเดินอีกประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้วส่วนค่าเข้านั้นฟรี และที่นี่ก็เปิดทำการ 24 ชม.อีกด้วย

fushimi-inari-taishi11
คนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างเขียนข้อความขอพร
fushimi-inari-taishi10
บ่อน้ำไว้ คนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมไว้ล้างมือ ล้างหน้า บ้วนปากให้สะอาดก่อนเข้าวัด

fushimi-inari-taishi14

fushimi-inari-taishi01

fushimi-inari-taishi12

เส้นทางของการเรียงรายของโทริอินั้นยาวกว่า 4 กิโลเมตร ฉากสีส้มอันงดงามนี้ หากใครเคยดูหนังเรื่อง Memoir of geisha ฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่นางเอกวิ่งไปขอพรอีกด้วย วันนี้อากาศหลังฝนตกเย็นกำลังดี ได้ไปขอพรจากเทพเจ้าโทริอิพร้อมกับหัวใจอันชุ่มฉ่ำ ครั้งหน้าจะ DUDES NEXT DOOR จะแวะเวียนไปเที่ยวที่ไหนอีกโปรดติดตาม.

-Sandp1989-

fushimi-inari-taishi-cover

แผนที่ของ Fushimi Inari

fushimi-inari-maps

ร้าน Ikefukurou,Japan คาเฟ่นกฮูก ร้านใหม่ที่ควรลอง

คาเฟ่นกฮูก โตเกียว,ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดให้ใช้เวลากับนกพันธุ์แปลกเหล่านี้ ซึ่งลูกค้าสามารถเล่นและถ่ายรูปกับนกฮูกได้ โดยมีอัตราค่าบริการต่อ ชม. อยู่ที่ 1,400 เยน (382 บาท) แต่วันเสาร์-อาทิตย์ จะคิดค่าบริการต่อ ชม. 1,600 เยน (437 บาท) หากลูกค้ามีนกฮูกของพวกเค้าเอง ก็สามารถนำนกฮูกมาเล่นด้วยกับตัวอื่นๆได้ แต่ถ้าใครไม่มีแต่มีความต้องการที่จะเลี้ยงนกฮูก ที่นี่ก็มีบริการขาย เพราะร้าน Ikefukurou ก็เป็นที่สำหรับเพาะพันธุ์นกฮูกเช่นกัน

page1

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-22

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-5

ชื่อร้าน Ikefukurou มาจากชื่อเมือง Ikebukuro(อิเกะบุกุโระ) และ Fukuro (ฟุกุโระ) ซึ่งเป็นชื่อนกฮูกในญี่ปุ่น สำหรับลูกค้าที่มาเยือนที่นี่ต้องปฏิบัติตามกฏ เพื่อความปลอดภัยของสัตว์ ก่อนที่จะสามารถจับตัวนกฮูกได้

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-8

สำหรับที่นี่ มีนกฮูกอยู่หลากหลายสายพันธุ์นานาชนิด ให้ทุกคนได้ชื่นชมกับความน่ารักของมัน และทำความรู้จักกับนกสายพันธุ์แปลกที่หลายคนอาจยังไม่เคยพบเห็น อีกทั้งที่นี่ยังมีน้ำผลไม้และเบียร์ รวมทั้งเครื่องดื่มต่างๆให้บริการสำหรับลูกค้าอีกด้วย

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-15

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-1


owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-19

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-4

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-2

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-3

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-26

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-17

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-12

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-21

 

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-23

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-20

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-13

 

owl-cafe-ikefukuroucafe-tokyo-7

 

https://youtu.be/3ISlBlo7QA8

เครดิต

เเปลโดย thailandindy จาก http://www.boredpanda.com/