ไปดูมาแล้วครัชพี่น้อง สำหรับหนังเรื่องHitman Agent 47 ฮิทแมน สายลับ 47 หลังจากดูตัวอย่างหนังตอนที่ได้ไปดู Mission Impossible 5 ขออนุญาตรีวิวตามความรู้สึกล้วนๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะฮ้าา ส่วนตัวคิดว่า
สนุกดีนะ ดูเพลิน ดูมันส์ แอบลุ้นอยู่หน่อยๆ แล้วก็ฉากบู๊ แอคชั่นก็ทำได้ดี แต่ด้วยความที่ทราบมาก่อนอยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้มีพื้นเพมาจากเกมส์ Hitman : Codeman 47 เลยอาจจะทำให้รู้สึกขัดๆอยู่บางอย่างเหมือนกัน
ขอบคุณรูปจาก : http://www.majorcineplex.com/
มาพูดถึงนักแสดงก่อนดีกว่า ส่วนตัวชอบเสน่ห์ของคาเทีย นางเอก (รับบทโดย ฮันนาห์ แวร์) สวย คมเข้ม มีเสน่ห์ แววตาที่สื่อออกมาแต่ละครั้งถึงความรู้สึกกลัว เหงา กังวลใจ ที่ถูกฝังโปรแกรมเข้าไปคือดี คือชัด คือปรบมือข่าา พอแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น แววตาเธอก็เป็นประกายวาบเลยทีเดียว ประทับใจ มาถึงคุณพ่อพระเอกหน้าเดียว ผมทรงพระอาทิตย์มีบาร์โค้ดปาดอยู่ด้านหลังกันบ้าง งานนี้รับบทโดย รูเพิร์ต เฟรนด์ หนุ่มหล่อวัย 34 ปีสุดฮอต ผู้ที่รับบทมิสเตอร์วิกแฮมในอหังการ และอคติ (Pride and Prejudice) เขารับบทเป็น 47 ชายหนุ่มผู้โดนฝังโปรแกรมให้ไร้หัวใจ ให้ไร้ความรู้สึก และมีความสามารถมากกว่าคนทั่วไป (มากกกกกกกก) การแสดงของหนุ่มรูเพิร์ตก็จัดว่าโอเค โดยเฉพาะฉากบู๊ และฉากใน T-Ser ที่แอ่นตัวราวกับจะทำสะพานโค้ง ทำให้คิดไปถึงภาพคีอานู รีฟฟ์ใน The Matrix ทีเดียว แอคชั่นหน้าเดียวก็โอเคนะ คือยังไงดีต้องบอกว่าจริงๆพระเอกเรื่องนี้ต้อง (เกือบ) หน้าเดียว เพราะต้องเล่นเป็นคนไร้หัวใจไร้ความรู้สึก แต่จุดหลักที่แอบซ่อนอยู่ของเรื่อง หรือจริงๆแล้วอาจจะเป็นจุดที่เรื่องนี้อยากบอกก็คือ ชีวิตของใครคนนั้นก็ต้องกำหนดเอง จิตใจมนุษย์ ต่อให้ถูกฝังโปรแกรม ยังไงก็คือจิตใจมนุษย์ ใจตนเอง ของตนเองมิใช่ใครอื่น ดังนั้นต่อให้จะบอกว่าเธอนั้นไร้ความรู้สึกนะรู้ปล่าว? แต่จริงๆแล้วความรู้สึกนั้นมันก็เกิดขึ้นจากหัวใจเธอใครจะไปห้ามความรู้สึกได้อย่างไรอารมณ์นั้นซึ่งมิสเตอร์โฟร์ตี้เซเว่นก็แอบทำหน้าเดียวที่มีความรู้สึกปะปนอยู่มาให้เราเห็นหลายครั้งหลายครา
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเลยรู้สึกว่าโอเค รายละเอียดเหล่านี้ทำให้ข้ามความไม่สมบูรณ์บางอย่างของหนังเรื่องนี้ได้ หากถามว่าตรงส่วนไหนที่ยังไม่ตรงใจ อาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่าเหมือนกำลังดู “เกมส์” มากกว่า “ภาพยนตร์” พระเอกต่อสู้ และฆ่าทุกคนราวกับจะต้องฝ่าไปหาด่านสุดท้ายเพื่อตามหาบอส คนที่มาตามล่าคือทุกคนที่ต้องเก็บ ต้องฆ่า คือรู้สึกมันฆ่าเยอะเกินไปนิดนุง ได้อารมณ์ตั้งใจฆ่ามากเกินไป ต้องวางแผนการฆ่า และจัดการให้เรียบ ไม่ใช่ฆ่าเพื่อเอาตัวรอด ฆ่าแล้วจะได้แต้ม อารมณ์นั้นเลย ก็เลยรู้สึกว่ากำลังดูเกมส์มากกว่าดูหนัง อารมณ์ในตัวละครค่อนข้างดี แต่อารมณ์ร่วมไหนหนังค่อนข้างมีไม่มาก ดูเอาเพลิน ดูเอามันส์ ก็ถือว่าผ่าน แต่ถ้าจะดูให้อินสำหรับเรายังถึงว่าหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่ได้ให้อารมณ์ร่วมเท่าที่ควรนัก ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เจอพ่อ หรือการตามหาพ่อ รู้สึกบทเบาไปหน่อย เกือบจะอร่อย อาจจะขาดรสชาติบางอย่าง ถ้าเทียบกับ MI5 หรืออีกหลายๆเรื่อง
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ารู้สึกว่าพักนี้ไม่มีอะไรเร้าใจ หรืออยากจะเพลิดเพลินไปกับฉากบู๊แอคชั่น ยิงระห่ำ ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องนึงที่แนะนำค่ะ
แต่ถ้าจะเอาแบบได้อารมณ์ร่วม น้ำตาไหล ใจสั่นระรัว ก็อาจจะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาเวลาไปดู U.N.C.L.E อีกเรื่อง แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะว่าเป็นยังไง วันนี้ขอตัวไปดูซีรีส์เบาๆก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์
– Saturday Night-