ประสบกาณ์เที่ยวเองครั้งแรก!! ที่สิงคโปร์!! เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราเพิ่งเฮิร์ทผลพวงจากการเลิกกับแฟนค่ะ!! ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวคือ อยากไปที่ไหนก็ได้!! … เลยเปิดเลยค่ะตอนนั้น หาตั๋วบินก่อน พอดีเห็นและว่ามีตั๋วลดราคา ช่วง เดือน ม.ค. ที่จะถึงพอดี นั่งไล่ดูไปที่ไหนบ้าง
ไหนๆลดทั้งที ราคาดีขนาดนี้ ออกนอกประเทศไปเลยค่ะ!! แต่จะไปไกลเกิน ยังไม่เคยแบคแพคก็ไม่กล้าไปไกลเกิ้นน ง้านนน!!! ใกล้และปลอดภัยกับชีวิตน่าจะเป็น สิงคโปร์!!
โลเคชั่นได้แล้ว หาเดอะเเก๊งค์ค่ะ ซึ่งทริปนี้ไปกัน 3 คน… กดจองตั๋วบินราคาถูกที่เราดูไว้ก่อนแล้วจาก Traveloka เหมือนเราผูกขาดเว็บนี้เลย เพราะได้ของมีคุณภาพเทียบไปมา ก็มาตกที่เว็บไซต์นี้ตลอด ไม่ได้อวยนะ แต่มันทุกครั้งเลย ครั้งนี้ก็ได้ของ Jetstar ไป-กลับ ในราคา 2,756 บาท ต่อ คน (รวมค่าโหลดกระเป๋าและค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต) ….ตั๋วมี!! เพื่อนเดินทางพร้อม เหลือแค่แพลนการเดินทางกับที่พักเท่านั้น ซึ่งทริปนี้เป็นทริปปุบปับ ถึงกับต้องทุบกระปุกมาเป็นพ็อคเก็ตมันนี่ จึงต้อง save cost กันนิดนึง
เลยตามล่าหาอ่านรีวิวเที่ยวเองแบบถูก ซึ่งที่พักเคยอ่านตาม พันทิพ ว่าเค้าพัก hostel จะถูกกว่าโรงแรม เพราะเราวางแผนจะไป 4 วัน 3 คืนค่ะ ดังนั้นเราจึงไปหาเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ จนไปได้ของที่ Traveloka อีกแล้ว!! ที่พักชื่อ Mercury Backpackers Hostel โลเคชั่นดี อยู่แถว Lavender MRT รีวิวเลิศ แถมราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ด้วยราคา 1,565 บาท ต่อคน อะไรจะเป็นใจขนาดนี้คะซาร่า…กดจอง!! พร้อมจ่ายเลยค่ะ ซึ่งใครสนใจที่พัก Mercury Backpackers Hostel เหมือนกัน ก็ลองกดเข้าไปดูได้ที่ >> https://www.traveloka.com/
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย…เราก็แพลนการเดินของแต่ละวันกับเพื่อนๆ ว่าแต่จะสนุก ขาลากกันขนาดไหนก็เลตสะโกลุยกันเล้ยยย!!
Day 1 : Let’s go to Singapore
แก๊งชะนี 3 นาง เช็คอินกันพร้อมบินอย่างนกค่ะ!! โดยการเดินทางบนเครื่องใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็ถึงสิงคโปร์เมืองสิงโตพ่นน้ำกันแล้วจ้า เมื่อถึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปมาเลยค่ะ เพราะประเทศนี้การเดินทางเชื่อมต่อกันแถบจะทุกจุดดด ขอย้ำว่าแถบจะทุกจุดจริงๆ
ว่าแล้วก็ว้าปขึ้น MRT ไปลง ที่ Lavender ดูแมพจากที่ปักหมุดมาก่อน อ้อ ลืมบอก อินเตอร์เน็ตเราซื้อมาจากบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นแพคเก็จที่เค้านำเสนอขายบนเครื่องเลย ราคา 32$ แถมกาแฟค่ะ!! ขอบคุณ!!
ต่อๆ เราก็เดินตามแมพ งงๆนิดนึง แต่ก็มีอาตี๋หล่อเข้ามาช่วย คนที่นี่เค้าจิตใจดีเหมือนหน้าตาจริงๆนะคะ >_< เค้าก็ชี้โบ้ชี้เบ้ นู่นนี่ๆให้เราเดินไปจริงๆแล้ว ที่พักหาง่ายมาก ตรงออกจาก สถานีแล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ 3 นาทีก็ถึง แบบในรีวิวเค้าว่าไว้เลย คือมันสะดวกจริงๆอ่ะ ว่าแล้วก็เข้าไปเช็คอินที่ Mercury Backpackers Hostel เพื่อรับห้องกับเจ้าของ เจ้าของทักทาย “สวัสดีครับ” อ้าวเฮ้ยย!! คนไทยเหรอ เราก็ใส่ภาษาไทยใส่เลย สรุปรู้แค่คำเดียว คือ “สวัสดีครับ” 5555 จบสนทนาเพียงเท่านี้ค่ะ เลยต้องฟุตฟิต อังกฤษใส่ไปแทน แล้วก็เอาของไปเก็บที่ห้องพักเพื่อเริ่มการผจญภัยกันอย่างจริงจัง
พร้อม Let’s go China Town จ้า สะดวกเช่นเคย เดินทางโดย MRT ลงสถานี China Town จุดประสงค์หลักของเราคือมาเดินซื้อ บัตรผ่านเข้า USS และ Garden by the bay ที่ตึก People’s Park Centre แต่หาตึกไม่เจอค่ะ!! แต่อีกแล้วค่ะ คนที่นี่น่ารักมากจริงๆ อาแปะขี่รถจักรยานสี่ล้อเล็กๆพร้อมเปิดเสียงเพลงแบบที่เปิดในวัดจีน นัมมอ ฮาไน ตัน นา.. ตอ ลา ยา.. เยยย พอเห็นว่าเราเป็นนักเที่ยวเดินงงๆ เค้าขี่จักรยานน้อยเข้ามาถามว่าเราจะไปไหน พร้อมอาสาพาพวกเราไปส่งถึงตึกกันเลยทีเดียว!! เมื่อถึงตึก ก็เซี่ยเซี่ยอาแปะ!! แล้วอาแปะก็ขี่จากไปพร้อมเสียงเพลงเจ้าแม่กวนอิมดังก้องในหัว นัมมอ ฮาไน ตัน นา.. ตอ ลา ยา.. เยยย 55555 ว่าแล้วก็เข้าตึกมา ซึ่งตึกนี้อย่างกับรวมการขายทัวร์ประเทศเค้าโดยเฉพาะ เลือกได้เลยจ้า ถูกและคุ้ม แต่เราได้ของร้าน Sea Wheel Travel มา เพราะเค้าแถมค่าอาหารใน USS ให้ด้วย ก็เลยรีบคว้า
หมดห่วงได้ของครบ ก็ตะลุยเดินถ่ายรูปสวยๆกันเลยจ้าและแวะพักหาของกินแถวนั้น อาหารที่นี่จะเป็นแนวคล้ายๆอาหารจีนๆ ก็ดูรูปเอาค่ะ ชี้ๆ อั๊วเอานี่ๆ ได้ราเมงน้ำมาราคา 5$ รสชาติออกจัดๆนิดนึง แต่ซุปราเมงเค้ามันได้ใจมากค่ะ เส้นก็เหนียวนุ่ม คือโดยรวมก็ผ่านนะ
กินๆเสร็จอิ่มท้องก็พร้อมลุยตามแพลนไป วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic) กันต่อ ตอนเดินหาก็งงๆอยู่วัดอยู่ไหน!!? เดินถามทางเรื่อยๆค่ะ คนที่นี่เค้ายินดีช่วยเหลือจริงๆ จนหาทางมาจนได้ค่ะ วัดนี้เป็นเหมือนแลนด์มาร์คนึงของสิงคโปร์เช่นกันค่ะ เราก็เดินถ่ายรูปแล้วสักการะ
เดินไปมาก็จะค่ำและ ก็เดินเข้าตลาด china town กันละ คือแบบว่า คนเยอะมากกก อาหารก็เช่นกัน ละลานตา ถ้ามาสิงคโปร์ china town คือแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ ทั้งแสงสี และของฝาก โดยเฉพาะหมูแผ่น เห็นคนต่อแถวเยอะมาก แต่เราคงสู้อาม่าไม่ไหว
เลยขอเดินเล่นซอยอื่น ซึ่งถ้าเดินทะลุไปมาก็จะคล้ายๆเยาวราช + สำเพ็งบ้านเราหน่อยๆ จึงขอเดินถ่ายรูปรอบๆดีกว่าเพราะบรรยากาศดีงาม เเละเรามาใกล้ช่วงจัดงานเทศกาลตรุษจีนพอดี เเล้วก็หาอาหารใส่ปากแบบที่เราถนัด เท่านี้ก็จบไปอีกวัน
Day 2 : USS makes me want to be a kid again!!
วันนี้สู้ตาย!! เดินทางกันไปตั้งแต่ 9 โมง ประตูสวนสนุกเปิด 10 โมงค่ะ แต่แนะนำไปก่อนเวลาจะดีมาก เพราะคนต่อแถวยาวเพื่อเข้าเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปเข้าคิวก็ต้องถ่ายรูปเก๋ๆกับลูกโลก USS ซะหน่อย เหมือนแลนด์มาร์คถ้าใครไม่ถ่ายเหมือนมาไม่ถึงที่นี่นะจ๊ะ
มาถึงแนะนำว่าถ้าอยากเล่นเครื่องไหนให้รีบวิ่งไปต่อคิวด่วนเลยค่ะ เพราะคนจะเยอะแบบมากๆๆๆ ตอนแรกเราไม่รู้ก็เดินชิวไปสิ ถ่ายรูปเก๋ๆได้อี้กก เพิ่งเข้ามาคนโล่งไง
พอตั้งใจจะไปเริ่มเล่นจริงๆก็งงเลยค่ะ คนมาจากไหนเยอะแยะ แถวยาวมาก เราเลยวิ่งไป Transformer ก่อนเลยเพราะดูมาก่อนแล้วว่าอยากเล่นมาก แล้วก็ต้องอึ้ง!! แถวแบบเยอะจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคุ้มการรอคอยทั้งวัน วันนั้นก็อยู่แต่ที่ USS และต่อแถวเล่นเครื่องเล่นวนไปค่ะ แค่มาถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว แถมเครื่องเล่นยังมันส์หยดตึ๋งๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว เราก็รอเวลาหัวค่ำเพื่อดูการแสดงจุดพลุไฟซึ่งเป็นไฮไลท์ของค่ำคืนที่นี่เลยค่ะ
Day3 : Let’s go to shopping …. go to The Singapore Botanic Gardens and Garden by the bay where are awesome places!!
วันนี้ตื่นเช้าค่ะไปนั่งทานอาหารแถวที่พัก ว่าแล้วก็สั่งข้าวมันไก่ อาแปะ อาตี๋ที่ขายก็ทักทาย อัธยาศัยดี เค้าคิดว่าเราเป็นคนฟิลิปปินส์ ซึ่งมาที่นี่ก็โดนทักเป็นหลายประเทศมากค่ะ เว้นประเทศตัวเอง 55555 ส่วนมาที่นี่ก็กินข้าวมันไก่ไปหลายจานแล้ว แต่ละร้านก็ต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นตัวข้าวที่ต่าง ข้าวจะแข็งไปหน่อยสำหรับเรา ครั้งนี้เลยเปลี่ยนจากข้าวมาเป็นเส้นๆเเทน เส้นอันนี้ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร เเต่เหนียวนุ่มดีมากๆเลยล่ะ สั่งเต้าหู้ใส่เพิ่มเข้าไปอีก เข้ากันมากๆ
หลังจากท้องอิ่มเราก็ MRT ไปลงสถานี Botanic Gardens เดินขึ้นมาก็จะเจอ The Singapore Botanic Gardens กันเลยค่ะ เป็นจุดผ่านถ่ายรูปสวยๆ
เราเดินทะลุ The Singapore Botanic Gardens ออกไปด้านหลังเพื่อหารถโดยสารไปยังย่าน orchard ซึ่งถ้าเทียบกับไทยก็เป็นสยามนั่นแหละ มีห้างตลอดย่านนั้นเลยค่ะ ของแถวนั้นก็ไม่ได้ถูกสักเท่าไหร่เลย เราเลยนั่งรถโดยสารไปต่อยังย่าน Little India เป็นชุมชนคนแขกค่ะ แค่ก้าวขาลงไปนี่สัมผัสไปถึงกลิ่นเครื่องเทศจริงๆ สมเป็นย่านคนแขกเลย ว่าแล้วเราเสาะหาตึก “มุสตาฟา” พอดีเพื่อนที่ไทยแนะนำมาว่าของที่นี้ถูก เราก็เลยกวาดน้ำหอมไป ซึ่งถูกกว่าไทยเยอะมากๆ
พอซื้อหนำใจเราก็เดินทางต่อค่ะ ไปยัง Garden by the bay ด้วย MRT ลงที่ Bayfront ถึงเลย
ในที่สุด!!! Garden by the bay ก็อยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ เข้าไปข้างในนี่มีอึ้ง!! เหมือนในฝันอ่ะ ดอกไม้เต็มไปหมดเลย คือเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกดูแลอย่างดีในห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซน โซนแรกก็จะเป็น พื้นที่เปิดกว้างให้เดินดูดอกไม้นานาพันธุ์ไปเรื่อยๆ
โซนที่สองจะว้าวหน่อย เป็นโดมกระจกค่ะ เป็นพื้นที่ควบคุมแสงและอุณหภูมิ โซนนี้จะหนาวกว่าโซนแรก เพราะมีผาน้ำตกสวยมากกกกก ทางเดินก็จะเป็นเดินไต่ระดับขึ้นไปสูงเรื่อยๆจนด้านบนของโดมเลย ซึ่งสวยมากๆๆๆเช่นกัน…. ไม่ต้องอธิบายมากดูภาพแล้วจะเข้าใจเลยค่ะ
แต่ถ้าเดินออกมาด้านนอกของ Garden by the bay ตรงทางออก จะเป็นทางเดินไป Marina Bay Sands ได้เลย เพราะทางอยู่ต่อกัน แต่ก่อนถึง Marina Bay Sands จะเจอสะพาน Helix แน่นอนค่ะ ต้องถ่ายรูปชิคๆสักหน่อย เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คเช่นกัน แต่ถ้าให้สวยมาช่วงใกล้คำ่ เพราะละแวกนั้นจะเปิดไฟรวมถึงสะพานด้วย
ตอนนั้นรับรองจะได้ภาพสวยเก๋ๆกลับไปแน่นอนจ้า พอถ่ายภาพหนำใจแล้วเราก็เดินต่อไปเลียบทางแม่น้ำไปเรื่อยๆก็จะเจอที่จัดแสดง Marina Bay Sands และฝูงชนนั่งรอกันเพื่อรับชม ซึ่งจะเป็นการแสดงโชว์แสงสีบนน้ำเล่าเรื่องราวของคนสิงคโปร์ พร้อมวิวเป็นฉากหลังตระการตากันเลยทีเดียวค่ะ โดยการแสดงนี้จะมีเวลาเริ่มการแสดงเป็นรอบๆต้องเช็คเวลากันให้ดีน้า รอบที่เราไปเป็นช่วง 2 ทุ่ม รอบสุดท้ายพอดี แต่ถ้าไปดูแนะนำไปก่อนเวลาเพื่อสะดวกต่อการจับจองที่นั่งและมุมดีๆ เพราะคนก็เยอะพอสมควรเลยล่ะ
Day 4 : Time to say goodbye Singapore
วันนี้ตื่นแต่ตี 3 เพื่อเตรียมตัวไปยังสนามบิน เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้นั่งแท็กซี่ของที่นี่ ก็สำรวจดูที่คอนโซลหน้ารถเค้าจะมีเหมือนเป็นระบบตัดบัตรเครดิตอะไรประมาณนั้น ซึ่งรวมทั้งบัตร EZ Link ก็สามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ แต่กรณีของพวกเราคือ!! ไปนั่งนับเหรียญกันจ่าย ซึ่งเค้าก็รับชำระเช่นเดียวกันค่ะ
“จะบอกว่าการเดินทางและการชำระค่าโดยสารที่นี่สะดวกมากจะจ่ายแบบ เงินสด เครดิต หรือผ่านบัตร EZ Link ก็ได้หมดค่ะ “
ว่าแล้วเราก็ไปรอเวลาไฟลท์บินกันค่ะ แต่ระหว่างนั้นก็ช็อปปิ้งไปเพลินใน Duty Free ที่สนามบินไปค่ะ เค้าว่ามาที่นี่ต้องฟาดกระเป๋า Charles and Keith ค่ะ เราก็จัดไปสองใบ ซึ่งราคาก็ถูกกว่าไทยนะ และที่สำคัญ!! ดีไซน์ไม่เข้าในไทยด้วยจ้า ถือเป็นสินค้า High End จริงๆเลย คิดถูกและตาดี ว่าแล้วทริปเทใจของเราก็จบแค่นี้ ไว้โอกาสหน้าได้กลับไปเยือนอีกครั้งจะมารีวิวเพิ่มเติมให้นะจ๊ะ เพราะยังเที่ยวไม่ครบเลย!! ใครว่าสิงคโปร์ไม่มีอะไร….นี่ไปสามวันยังไปแลนด์มาร์คสำคัญๆอย่าง Merlion , Esplanade , Clark quay , Fountain of Wealth @Suntec ยังไม่เก็บแต้มไม่ครบเลย ต้องกลับไปแน่ๆ พร้อมกับใจที่ไม่โดนเทแล้วครั้งนี้ สัญญา!!
การเดินทาง
เราแนะนำให้ใช้ บัตร EZ Link (Easy link) เลยค่ะเพราะบัตรเดียวใช้ได้กับทุกเครือบนประเทศนี้ค่ะ!! ตั้งแต่ ร้านค้า , รฟฟ , รถโดยสาร , แท็กซี่ บ้านเค้าพัฒนาแล้วค่ะ และจะช่วย Save Cost ได้เยอะมากกกกก ราคาบัตร $12 จ้า เหมือนบัตร BTS บ้านเราแบบเติมเงินใช้เติมเงินไปเรื่อยๆ ซึ่งถูกกว่าการซื้อเป็นรอบๆ เพราะว่าตอนแรก
เราไม่รู้พลาดไปซื้อเป็นบัตร Standard Ticket ซึ่งจะเหมือนบัตร BTS บ้านเราที่จ่ายขาเดียว แต่บ้านเค้าต่างตรง บัตรนี้ใช้ได้ 6 ครั้ง ซึ่งทุกเที่ยวการซื้อที่ 1 3 6 จะมีการ discount ให้ 0.1$ค่ะ หลังจากครบ 6 เที่ยว บัตรก็ Deactivate ตัวมันเองไม่ให้ใช้ต่อแล้ว เก็บเป็นฉลากต่างหน้าไป แต่ถ้าเดินทางไปไหนตลอด ราคาแพงกว่าด้วยเมื่อมาเทียบกันแล้ว
Internet
อินเตอร์เน็ตจำเป็นมากค่ะ เพราะ WiFi ที่นั่นยังไม่ค่อยเปิดให้ใช้ในพื้นที่ทั่วไป ต้องไปเกาะตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งก็ต้องเสี่ยงดวงเอา แต่แนะนำซื้อเถอะ!! เราซื้อมาจากบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นแพคเก็จที่เค้านำเสนอขายบนเครื่องเลย ราคา 32$ แถมกาแฟค่ะ
แต่ถ้าเดินหาซื้อซิมในตัวเมืองแล้วมาเปิดใช้ก็ได้นะคะ
อาหารและเครื่องดื่ม
อาหารเริ่มต้นเฉลี่ยจานละ 5$
เครื่องดื่มแนะนำให้บริโภคน้ำเปล่าค่ะแล้วเติมเอา ราคาเริ่มที่ 1$
บัตรเข้า USS และ GBB
Universal Studio Singapore (USS) 62$(ประมาณ 1,488 บาท) เราซื้อพร้อมคูปองอาหารราคาพิเศษ ซื้อ 15$ ใช้ได้ 20$ / Garden by the bay(GBB) 19$ (ประมาณ 456 บาท)
สรุปงบประมาณ
- ค่าเดินทาง ส่วนมากจะหมดไปกับค่า MRT หากไม่ใช้ EZ Link เพราะเราใช้เเบบเติมเที่ยว ส่วนเพื่อนใช้ EZ Link ดังนั้นจะเห็นส่วนต่างกันมาก เป็นเท่าตัว
- ค่าใช้จ่ายหลัก (เเยกคน) ค่าเครื่อง + ค่าที่พัก + บัตรเข้า USS/GBB
- ค่า Internet + taxi เเชร์กันออกประหยัดขึ้นเยอะ
- ค่ากิน เรา save cost กินขั้นตำ่ที่ 5$ – 7$ ได้ของกินดีอยู่ อิ่มท้องด้วย (ประมาณ 1,200 บาท)
- น้ำซื้อขวดใหญ่ 1$ เติมเเบ่งใส่ขวดพกระหว่างวันเอา
- พ็อคเก็ตมันนี่ เราติดตัวไป 8,000 บาทไทย ยังเหลือใช้เลยขนาดใช้ซื้อนำ้หอมเเละช็อปปิ้งด้วย