วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

หน้าฝนน่าเที่ยว “วัดผาลาด” ลงตัวท่ามกลางธรรมชาติ

หน้าฝนน่าเที่ยว อีกตอนวันที่สองของการเที่ยวหน้าฝนที่เชียงใหม่ แวะริมทางก่อนขึ้นดอยสุเทพ-ดอยปุย

หลายคนที่ไปเชียงใหม่จะต้องขึ้นดอยสุเทพอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่เที่ยวที่อยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด เดินทางสะดวกและง่าย แต่ไหนๆก็ไปทางนั้นแล้ว ถ้าไม่แวะ วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด ก็น่าเสียดายนะคะ เพราะที่นี่คุณจะได้เห็นการผสมผสานงานศิลปะกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืมลงตัวมากๆ ซึ่งสิ่งปลูกสร้างของที่นี่เป็นศิลปะร่วมสมัยระหว่างล้านนาและพม่า

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

เมื่อเห็นป้ายต้องขับรถลงไปอีก 200 เมตรวัดสกิทาคาหรือวัดผาลาดลงจากรถปุ๊บ จะได้ยินเสียงน้ำไหล เพราะมีน้ำตกอยู่ในวัดด้วยวัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
พระวิหาร สถาปัตยกรรมล้านนาผสมพม่า ฝีมือช่างชาวพม่า
พระประธานภายในพระวิหาร วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
พระประธานภายในพระวิหาร

จะเห็นรูปปั้นช้างอยู่หลายจุดมาก คงเป็นเพราะว่าช้างมีความสำคัญในการทำให้เกิดวัดนี้ขึ้นมา จากเรื่องเล่าตามตำนานการสร้างดอยสุเทพ เล่าว่า “ในการเสี่ยงทายหาสถานที่สร้างพระธาตุ ได้ปล่อยให้ช้างเดินไป หากช้างหยุดที่ใดก็จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่นั่น ซึ่งช้างได้ย่อเข่าลงบริเวณที่ตั้งวัดผาลาดในปัจจุบัน แต่ก็ลุกเดินต่อไปจนถึงดอยอ้อยช้างซึ่งก็คือพระธาตุดอยสุเทพ จึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบรรจุ ณ พระธาตุดอยสุเทพ ส่วนบริเวณที่ช้างหยุดย่อเขาลงครั้งแรกก็สร้างเป็นวัดผาลาดเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสี่ยงทายหาสถานที่สร้างพระธาตุ”
วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาดพระเจดีย์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนา ศิลปะแบบล้านนาผสมศิลปะพม่า

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
พระเจดีย์

วิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ภายในประดิษฐานพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
วิหารพระพุทธเจ้า 5
วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
วิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
พระพุทธรูปหน้าผา

พระพุทธรูปหน้าผา เดิมคาดว่าที่ตั้งวิหารแบบพม่าที่ตั้งนิยมสร้างบนแนวผา ปัจจุบันหลงเหลือให้เห็นเพียงส่วนฐาน เคยประดิษฐานพระพุทธรูปเชียงแสน หนึ่งในนั้นคือ “พระไล่กา” ว่ากันว่าคนโบราณลงอาคมเอาไว้ในพระพุทธรูปดังกล่าว เพื่อไม่ให้อีกา สัตว์แห่งความโชคร้าย บินผ่านวัด ต่อมาถูกทำลายไปสมัยทำสงครามกับพม่า ภายหลังชาวไทใหญ่ที่อพยพลี้ภัยสงครามมาอาศัยในบริเวณนี้ได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ แต่เป็นศิลปะแบบไทใหญ่

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
น้ำตกไหลผ่าน

บ่อน้ำทิพย์ ซึ่งจากการสังเกตทำให้ทราบว่ามีการสร้างทับขึ้นหลายครั้ง จึงสันนิษฐานว่า ครั้งที่หนึ่งสร้างขึ้นโดยชาวเมืองสุโขทัย ที่ติดตามงานบุญอัญเชิญพระธาตุร่วมกับพระเจ้ากือนา เพื่อเอาน้ำไว้กิน อาบ โดยเป็นวิธีการกรองน้ำอย่างหนึ่งของคนโบราณ จะได้ไม่ต้องใช้น้ำจากลำห้วยโดยตรง ครั้งที่สองน่าจะเป็นสมัยที่พม่าครองเมืองเชียงใหม่ (ดูจากอิฐที่ปากบ่อ น้ำ) และครั้งที่สามในสมัยครูบาศรีวิชัย การสร้างมณฑปครอบบ่อน้ำนี้ เป็นประเพณีที่นิยมทำกันในถิ่นชาวไทใหญ่และทางภาคเหนือของพม่า

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
บ่อน้ำทิพย์
วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
บ่อน้ำทิพย์
วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
บ่อน้ำทิพย์

เดินชมความงามของศิลปะโบราณและความงามของธรรมชาติกลางป่า

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
แทรกอยู่กับธรรมชาติทุกอณู

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
ห้องน้ำที่กลมกลืนกับธรรมชาติ
วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
คติเตือนใจที่แทรกไว้ บริเวณต่างๆ

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
น้ำตกที่วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด

ถ้าได้ผ่านไปก็อย่าลืมแวะชมความงามนะคะ “อยู่ใต้ฟ้าอย่าไปกลัวฝนค่ะ” หน้าฝนน่าเที่ยว เที่ยวเชียงใหม่กันค่ะ

ดูรีวิวหน้าฝนน่าเที่ยวอื่นๆ หน้าฝนน่าเที่ยว “ม่อนแจ่มม่วนใจ๋”

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tripchiangmai.com/, http://www.chiangmaitouring.com/