แคสเปอร์สกี้ แลป เตือนภัยช่วงเทศกาล โจรไซเบอร์อาศัยช่องโหว่ DDoS และ POS ฉกเงินร้านค้า

จากรายงานของแคสเปอร์สกี้ แลป เรื่อง IT Security Economics Report พบว่า บริษัทมากกว่า 77% ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การโจมตีระบบ DDoS และ POS ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ยิ่งเสียหายหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในช่วงสินค้าลดราคาสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่มีผู้คนออกมาเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกมากกว่าปกติ และยอดขายร้านที่สูงขึ้น ทำให้ตกเป็นเป้าล่อตาล่อใจของโจรไซเบอร์เลยทีเดียว

 

การค้นคว้าวิจัยแสดงผลว่าในปีที่ผ่านมามีการโจมตี DDoS และช่องโหว่ของระบบขายหน้าร้าน (POS system) ที่ระบาดหนักเพิ่มสูงถึง 16% ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าโจรไซเบอร์วางแผนรอช่วงเทศกาลนี้โดยเฉพาะ

 

ในปี 2017 นี้ มีการรายงานการรุกล้ำระบบความปลอดภัยไซเบอร์ระดับสูงในระบบการจ่ายเงินของแบรนด์ใหญ่ๆ มากมาย ได้แก่ Chipotle, Hyatt Hotels และ Forever 21 และจากรายงานล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ แลป เรื่อง DDoS Intelligence Report ก็พบการโจมตี Botnet DDoS ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นและแพร่ระบาดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งมีเป้าหมายการโจมตีประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำนวนมากถึง 98 ประเทศ (เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 มี 82 ประเทศ)

 

รูปการณ์นี้มีความเกี่ยวโยงกับร้านค้าปลีกและบริษัทอีคอมเมิร์ซอย่างมากในช่วงเทศกาลลดราคาสินค้าคริสต์มาสและปีใหม่ โดยร้านค้าจะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นเพราะนักช้อปออกมาเลือกซื้อของมากนั่นเอง สิ่งที่โจรไซเบอร์ทำได้จากการโจมตี DDos อาจเป็นการเรียกค่าไถ่ การใช้ระบบขายหน้าร้านเพื่อเลือกเหยื่อโจมตี รวมถึงการขโมยเงินและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าด้วย

 

อาเลซซิโอ เอซติ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ แคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า “แคสเปอร์สกี้ แลป พบจำนวนการโจมตีลักษณะนี้เพิ่มขึ้นสูงมาก เราขอแนะนำให้ธุรกิจและร้านค้าปลีกตื่นตัวอยู่เสมอในช่วงเทศกาล เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่โจรไซเบอร์จะขโมยเงินผ่านการเอ็กพลอต์ในระบบจ่ายเงินหรือจากการโจมตีโดยใช้ DDoS นอกจากนี้อาจเรียกค่าไถ่หรือขัดขวางการซื้อขาย ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้และเสียลูกค้าได้ นอกจากเหตุผลเพื่อป้องกันภัยที่กำลังระบาดนี้ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องลงทุนอย่างสม่ำเสมอ”

 

ร้านค้าปลีกและบริษัทอีคอมเมิร์ซสามารถป้องกันตัวเองได้โดยใช้โซลูชั่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียรายได้ในช่วงเทศกาล แคสเปอร์สกี้ แลป ขอแนะนำร้านค้าปลีกเพิ่มเติมดังนี้

  • อัพเดทแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างสม่ำเสมอ เพราะในการอัพเดทแต่ละครั้งอาจมีแพทช์ที่สำคัญเพื่ออุดช่องโหว่ของระบบให้ปลอดภัยจากโจรไซเบอร์
  • เครื่อง POS ควรใช้งานซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด และไม่ใช้พาสเวิร์ดที่ตั้งค่ามาตั้งแต่เริ่มต้น
  • ใช้โซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ อย่างเช่น Kaspersky Embedded Systems Security เพื่อปกป้องเครื่อง POS จากมัลแวร์
  • เตรียมรับมือต่อการโจมตี DDoS โดยเลือกเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่น่าเชื่อถือ มีความเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ การป้องกันทางไซเบอร์ไม่สามารถใช้แค่ทรัพยากรภายในองค์กรหรือบริการของอินเทอร์เน็ตโพรไวเดอร์ได้ทุกครั้ง
  • ให้ข้อมูลความรู้แก่ลูกค้าเรื่องภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจพบได้เมื่อช้อปปิ้งหน้าร้านและออนไลน์ รวมถึงแนะนำขั้นตอนการลดความเสี่ยงต่างๆ

 

ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

  • รายงานของแคสเปอร์สกี้ แลป เรื่อง IT Security Economics Report

https://calculator.kaspersky.com/en/?utm_medium=pr_press

  • ข้อมูล Kaspersky DDoS Protection สำหรับธุรกิจ SMBs และเอ็นเทอร์ไพรซ์

https://retail.kaspersky.com/?utm_medium=pr_press

 

แคสเปอร์สกี้ แลป ประเทศไทย เปิดตัว Kaspersky 2018 แล้ววันนี้! โซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ตามบ้าน มาพร้อมการปกป้องแบบมัลติดีไวซ์

ในยุค Household 2.0คือยุคที่ในบ้านประกอบด้วยอุปกรณ์ต่ออินเทอร์เน็ตเฉลี่ยจำนวน 6.3 ชิ้น

มีผู้พักอาศัย 2.4 คน และสัตว์เลี้ยงอีก 0.3 ตัวต่อครอบครัว!!

แคสเปอร์สกี้ แลป จึงขอนำเสนอโซลูชั่นเรือธงชั้นนำล้ำยุคสู่ตลาดไทย เพื่อปกป้องผู้บริโภค

 

โลกยุคที่รูปแบบความทันสมัยในครัวเรือนนั้นกำลังเปลี่ยนโฉมไปอีกครั้ง สู่รูปแบบที่เรียกว่า “บ้านพักอาศัย 2.0” ประกอบตัวเลขเฉลี่ยของผู้พักอาศัย 2.4 คน[1] มีสัตว์เลี้ยง 0.3 ตัว[2] และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย 6.3 ชิ้น[3] ต่อครอบครัว แถมอุปกรณ์เหล่านี้ก็เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นต่อในชีวิตประจำวัน แคสเปอร์สกี้ แลป ประเทศไทย ร่วมกับบริษัท ไอคอม เทค ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคของแคสเปอร์สกี้ แลป อย่างเป็นทางการ จึงได้เปิดตัว Kaspersky Total Security 2018 และ Kaspersky Internet Security 2018 รวมถึงโซลูชั่นพื้นฐานอย่าง Kaspersky Anti-Virus 2018 ที่ได้รับการปรับยกสมรรถนะประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแลอุปกรณ์ส่วนตัวในครัวเรือนเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เราใส่ใจให้การดูแลสมาชิกและสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรา

 

จากข้อมูลของ Kaspersky Security Network หรือ KSN ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2560 ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ แลป สามารถตรวจจับเหตุการณ์ที่เกิดจากมัลแวร์อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้ถึง 2,947,918 เหตุการณ์ โดยรวมแล้ว มีผู้ใช้งานในประเทศไทยจำนวน 17.6% ที่ถูกโจมตีในช่วงเวลาดังกล่าว

คุณสเตฟาน นิวไมเออร์ กรรมการผู้จัดการ แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ตัวเลขสถิติของ KSN ข้างต้นนั้น ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นขณะท่องเว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ 33 ของโลก จากรูปแบบครัวเรือนในปัจจุบันนี้ พบว่ามีจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่าสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงรวมกันเสียอีก และอุปกรณ์เหล่านี้ต่างมีบทบาทในชีวิตประจำวันในบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้งานเพื่อรองรับทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อจับจ่ายซื้อของ หรือแชร์วิดีโอสมาชิกตัวน้อยในบ้าน การเชื่อมต่อเหล่านี้ย่อมพ่วงมากับความกังวลด้านความปลอดภัย แต่อัตราเสี่ยงในทุกวันนี้กลับเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ใช้ทั่วไปยังใช้อุปกรณ์โดยไม่มีการป้องกันการคุกคามทางไซเบอร์กันเลย ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ มัลแวร์ การหลอกลวงการการเงิน และรูปแบบอื่นๆ”

 

คุณสเตฟาน กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ Kaspersky Total Security และ Kaspersky Internet Security รุ่นล่าสุด ได้รับการออกแบบให้ปกป้องการใช้งานภายในบ้านสมัยใหม่ ช่วยให้ผู้พักอาศัยสมาชิกในครัวเรือนมีศักยภาพที่จะดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และดูแลจังหวะการใช้ชีวิตดิจิทัลให้แก่ทุกคนในครอบครัว ให้เหมือนกับที่เราใส่ใจให้การดูแลสมาชิกและสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรา

 


 

ยุคของบ้านพักอาศัย 2.0 คือยุคที่ทุกย่างก้าวคือชีวิตออนไลน์

ปัจจุบันพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วในบ้านหนึ่งหลังมีอุปกรณ์ 6.3 ชิ้นเชื่อมต่อออนไลน์ เกิดเป็นชั่วโมงออนไลน์จำนวนมาก และว่าผู้พักอาศัยในบ้านก็ใช้งานเว็บเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อของโปรแกรมและเว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย ในรายงานวิจัยประจำปีของแคสเปอร์สกี้ แลป พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 63% ต่างกังวลใจกับอีเมลฟิชชิ่งและเว็บไซต์ปลอม และเพื่อตอบโจทย์ความกังวลนี้ Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security มีเทคโนโลยีต่อต้านฟิชชิ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการตรวจจับและป้องกันผู้ใช้จากอีเมล์หลอกลวง และสแปมรวมถึงเว็บไซต์ปลอมและลวงข้อมูล นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบ URL Advisor ในการดูแลการค้นหา URL ให้กับผู้ใช้เพื่อรู้ว่าเว็บไซต์ที่ค้นหานั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ มีพิรุธหรืออันตรายหรือว่าเป็นเว็บไซต์หลอกลวงหรืออาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายกับคอมพิวเตอร์อย่างไรหรือไม่ โดยจะแสดงให้เห็นได้ชัดในแต่ละลิ้งก์

 

บ้านคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลอันมีค่า

จากความหวาดกลัวเว็บไซต์ปลอมก่อให้เกิดความกังวลว่าการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจจะเป็นช่องทางให้สูญเสียข้อมูลที่อยู่ในบรรดาอุปกรณ์ 6.3 ชิ้นในบ้านหลังหนึ่งๆ ได้ โดยข้อมูลที่สุดหวงแหนแห่งยุคคือ รูปภาพ ซึ่งในความจริงแล้ว จากการวิจัยของแคสเปอร์สกี้ แลป พบว่า การสูญเสียภาพถ่ายดิจิทัลของหลายๆ คนทำให้เกิดความเครียดมากกว่าการเลิกคบเพื่อนหรือความเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำไป

 

จากการที่ข้อมูลกลายเป็นของรักของทุกคนไปแล้ว พบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่าครึ่ง (56%) ต่างกังวลว่าข้อมูลของพวกเขานั้นอาจมีความเสี่ยงที่จะโดนเรียกค่าไถ่ ซึ่งความกังวลนี้เกิดมากขึ้นหลังจากการโจมตีครั้งล่าสุดของ WannaCry และเพื่อช่วยให้ผู้พักอาศัยตามบ้านสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านยุค 2.0 ได้อย่างสงบสุข Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ได้เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและป้องกันโปรแกรมเรียกค่าไถ่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อต่อกรได้แม้กระทั่งแรนซัมแวร์ที่ซับซ้อนมากที่สุด

 

ทุกครอบครัวต้องการเก็บความลับไว้กับตัวเอง แต่ในยุค “บ้านพักอาศัย 2.0” นั้น ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มักถูกคุกคามทางออนไลน์ ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าข้อมูลอาจจะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลบางส่วนที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน มีผู้ใช้ถึง 44% ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ใช้จะมั่นคงปลอดภัยอยู่กับตัวเอง ด้วยความสามารถใหม่ในการล็อกการทำงานแอพพลิเคชั่นบนมือถือระบบแอนดรอยด์ จึงมีการเพิ่มระดับชั้นของการปกป้องด้วยรหัสลับให้กับผู้ใช้ได้กำหนดในแต่ละแอพพลิเคชั่น เช่น บริการรับส่งข้อความ เครือข่ายสังคม อีเมล หรือข้อมูลลับอื่นๆ ไม่ให้บุคคลอื่นเรียกใช้เข้าถึงได้ โดยที่ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติ Kaspersky Secure Connection service ที่มีอยู่ทั้งใน Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ที่จะช่วยในการเข้ารหัสข้อมูลที่รับและส่งบนเครือข่ายไร้สายที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัยหรือบนเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงอีกชั้นหนึ่งด้วย

 

การใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็กๆ คือหัวใจที่ต้องดูแลป้องกันภายในครัวเรือน

แม้ว่าจะมีความกังวลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ “บ้านพักอาศัย 2.0” ยังนำมาซึ่งความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อสมาชิกในครอบครัวที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยผู้ใช้ 60% กังวลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลาน ว่าอาจเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ แคสเปอร์สกี้ แลป นำเอาระบบควบคุมการใช้งานโดยผู้ปกครอง (parental controls) ของแคสเปอร์สกี้ แลป มาบรรจุไว้ใน Kaspersky Total Security ล่าสุดนี้ด้วย ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตั้งช่วงเวลาใช้งานสำหรับอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่มีอยู่ในบ้าน รวมถึงกำหนดแอพพลิเคชั่นให้เด็กๆ ได้ใช้งาน รวมถึงป้องกันการเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ภาษาลามกอนาจาร หรือข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดและอื่นๆ ทั้งหมดรวมอยู่แล้วในคุณสมบัติของบริการ Kaspersky Safe Kids

 

คุณเอเลน่า คาร์เชงโก้ หัวหน้าฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า “อุปกรณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเราและครอบครัว ขยายขอบเขตการใช้งานทั้งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การเรียนรู้ การสื่อสาร และได้เปิดช่องทางให้เกิดธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ แถมยังช่วยให้ทุกคนดำเนินชีวิตได้ต่อเนื่อง และไม่น่าแปลกใจเลยว่าในยุคบ้านพักอาศัย 2.0 จะมีอุปกรณ์เหล่านี้มากกว่าคนและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านเสียอีก”

 

“แต่สิ่งที่เราพบจากการสำรวจนั้นชี้ว่า การเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลาของเรานำมาซึ่งความกังวลโดยธรรมชาติในเรื่องความปลอดภัยออนไลน์ จากความกลัวที่จะตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง รวมถึงความกังวลในเรื่องการใช้งานออนไลน์ของเด็กๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งความกังวลเหล่านี้ได้ถูกตอบโจทย์ทั้งหมดอยู่แล้วในผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดของ Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security ซึ่งถือว่าเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่นำเสนอแนวทางที่ฉลาดที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแลการใช้งานของทั้งครอบครัวในโลกของดิจิทัลโดยที่ไม่ขัดขวางการเปิดประสบการณ์บนโลกออนไลน์”

 

คุณสเตฟาน กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดตลาดหนึ่งของแคสเปอร์สกี้ แลป ติดอันดับหนึ่งในสามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและทรัพยากรบุคคลที่มีการศึกษา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจึงเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้งานออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่จำนวนผู้ใช้เพิ่มสูงขึ้น แต่ความตระหนักรู้ในเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์กลับไม่เพียงพอ จึงเป็นเหตุให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย”

 

ผลิตภัณฑ์ Kaspersky Total Security 2018, Kaspersky Internet Security 2018 และ Kaspersky Anti-Virus 2018 มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำในราคาต่อไปนี้:-

  • Kaspersky Total Security 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 990 บาท
  • Kaspersky Total Security 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,890 บาท
  • Kaspersky Internet Security 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 890 บาท
  • Kaspersky Internet Security 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,780 บาท
  • Kaspersky Anti-Virus 2018 (1 ดีไวซ์ 1 ปี): 690 บาท
  • Kaspersky Anti-Virus 2018 (3 ดีไวซ์ 1 ปี): 1,380 บาท

 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการให้การบริการด้านเทคนิค สามารถติดต่อศูนย์การบริการแคสเปอร์สกี้ไทย (iCom Tech Co. Ltd.) ได้ที่ 02-203-7500 หรือที่เว็บไซต์ www.thaikaspersky.com

###

เกี่ยวกับแคสเปอร์สกี้ แลป

แคสเปอร์สกี้ แลป เป็นบริษัทระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซึ่งได้เฉลิมฉลองการก่อตั้งครบ 20 ปี ในปี พ.ศ. 2560 นี้ ความชำนาญพิเศษด้านภัยคุกคามที่ใช้เทคนิคเชิงลึก (deep threat intelligence) และระบบการป้องกันรักษาความปลอดภัยของแคสเปอร์สกี้ แลปได้ถ่ายทอดออกมาเป็นโซลูชั่นและบริการเพื่อการรักษาความปลอดภัยที่คอยให้การปกป้ององค์กรธุรกิจ โครงสร้างที่มีความสำคัญ องค์กรภาครัฐและผู้บริโภคมากมายทั่วโลก ทั้งนี้พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาความปลอดภัยที่ครบถ้วนของบริษัทประกอบด้วยโซลูชั่นและบริการเพื่อการป้องกันเอนด์พอยนท์ รวมทั้งโซลูชั่นเฉพาะทางมากมายเพื่อรับมือภัยคุกคามทางดิจิตอลที่วิวัฒนาการขยายขีดความซับซ้อนยิ่งขึ้นทุกวัน ปัจจุบันเทคโนโลยีของแคสเปอร์สกี้ แลป สามารถปกป้องยูสเซอร์มากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก และเราได้ให้การช่วยเหลือลูกค้าองค์กรในการป้องกันสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่ง อีกมากกว่า 270,000 แห่งทั่วโลก ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kaspersky.com

ติดต่อข้อมูลประชาสัมพันธ์

ซานจีฟ แนร์

ฝ่ายการสื่อสารองค์กร แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

sanjeev.nair@kaspersky.com

Tel: +60 3 7962 5914

บูรณี จันทรปรรณิก, ณิชานันท์ ตู้จินดา

พิตอน คอมมิวนิเคชั่น

buranii@PITONbiz.com , nichanan@PITONbiz.com

Tel: 099-419-6324, 0-2954-2602-4

ซีเมนส์ จัดงาน SPACe กระชับสัมพันธ์กลุ่มลูกค้าไทย ผู้ใช้โซลูชั่นของซีเมนส์

  • SPACe คืองานสัมมนาที่จัดขึ้นทุกๆ สองปี ในหัวข้อที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี กรณีศึกษาและการนำเสนอข้อมูลจากวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากหลากหลายอุตสาหกรรมในกระบวนผลิต

  • การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ SIMATIC PCS 7 Version 0 ซอฟต์แวร์ระบบควบคุมกระบวนการผลิตอัจฉริยะในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถให้กับผู้ผลิตในประเทศในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม

 

ซีเมนส์ ผู้นำการคิดค้นนวัตกรรมด้านระบบจัดการกระแสไฟฟ้า ระบบสั่งการทำงานอัตโนมัติและดิจิทัล เป็นเจ้าภาพจัดงาน Siemens Process Automation Conference & Exhibition (SPACe) ที่กรุงเทพเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 100 คน ประกอบด้วยลูกค้าผู้ใช้งาน พันธมิตรธุรกิจ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากซีเมนส์

 

SPACe คือรูปแบบของงานสัมมนาที่ได้รับความสนใจจากส่วนต่างๆ ของโลก มีผู้เข้าร่วมงานเพื่อมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อแนวโน้มและความท้าทายที่กำลังท้าทายอุตสาหกรรมการผลิต โดยจะจัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกสองปี ประกอบด้วย การนำเสนอข้อมูลและนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงการเปิดตัวและจัดแสดงผลิตภัณฑ์ เช่น การสัมมนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมและระบบเครือข่าย ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ที่ใช้งานระบบอยู่แล้วและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีโอกาสได้สัมผัสกับระบบที่ใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม และประสบการณ์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสัมผัสกับเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดที่ซีเมนส์นำมาจัดแสดงสาธิตอีกด้วย

 

สำหรับงาน SPACe ในปีนี้ได้จัดให้ครอบคลุมถึง 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระยะเวลา 3 เดือน ภายใต้แนวคิด “Driving the Digital Enterprise in Process Industries of Southeast Asia” โดยมีเป้าหมายที่การนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมให้แต่ละตลาด และประเภทอุตสาหกรรม ตั้งแต่กระบวนการและการทำงานที่มีความเฉพาะตัว ในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงและผลักดันธุรกิจให้บรรลุไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ในงานสัมมนา ได้มีการนำเสนอหัวข้อ “การปรับกระบวนผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ สู่ระบบดิจิทัล” “โซลูชั่นจากซีเมนส์สำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และเหมืองแร่” และ “ระบบสื่อสารไร้สายและรักษาความปลอดภัยเครือข่ายสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต” จากผู้เชี่ยวชาญของซีเมนส์ด้วย

 

ดร. ฟรีดเฮล์ม ไกเกอร์ หัวหน้าแผนก Process Automation Engineering ASEAN บริษัท ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “SPACe เป็นงานที่ช่วยให้เราได้เข้าถึงและเสริมสร้างสมรรถนะความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้ใช้โซลูชั่นต่างๆ ของซีเมนส์ และยังเป็นเวทีเปิดกว้างในการแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมระบบจัดกระบวนการผลิตอัตโนมัติ ในหลายปีที่ผ่านมานั้น เราได้เห็นผู้คนในอุตสาหกรรมนี้ร่วมมือกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งได้นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ซีเมนส์ได้ขยายจำนวนประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้นในปีนี้ และหวังที่จะเห็นการรวมตัวเช่นนี้จากหลากหลายประเทศทั่วภูมิภาค และยังเป็นการรุกหาพันธมิตรธุรกิจเพื่อช่วยส่งเสริมศักยภาพให้แก่อุตสาหกรรมนี้รุดหน้าต่อไป”

 

นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาให้กับผู้ใช้งานขึ้นในแต่ละประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในภาคอุตสาหกรรม

 

ภายใต้แนวคิดของงานส่วนแสดงสินค้านั้น ซีเมนส์ ยังได้ทำการเปิดตัว SIMATIC PCS 7 Version 9.0 ซอฟต์แวร์ระบบควบคุมกระบวนการผลิตเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ซึ่ง PCS7 เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และยังมั่นใจได้ถึงเสถียรภาพของระบบในการดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่อง และ Version 9.0 ได้รับการออกแบบให้รองรับ Profinet ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านระบบการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ที่มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลแยกอิสระถึง 2 ช่อง เพื่อรองรับกระบวนการทำงานแบบดิจิทัลในระดับการทำงานของระบบการผลิต และยังได้เพิ่มลักษณะการทำงานใหม่ให้ซอฟต์แวร์ ทำให้การทำงานภายในโรงงานนั้นมีประโยชน์มากขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีความสะดวก และยังมั่นใจได้ว่าระบบจะพร้อมรับกับอนาคต สามารถวางใจได้ว่าจะใช้งานร่วมกับระบบเดิมที่มีอยู่แล้วได้อย่างไร้ปัญหา ด้วยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่นี้ ถือได้ว่าซีเมนส์ได้เปิดมุมมองใหม่ในเรื่องการทำงานของภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างโอกาสใหม่ที่เหมือนเป็นแนวทางให้กับภาคอุตสาหกรรมในการเปลี่ยนไปสู่องค์กรดิจิทัลอีกด้วย

 

SPACe Innovation Tour 2017 เริ่มต้นที่ประเทศเวียดนามในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตามด้วยสิงคโปร์และไทย และจะจัดขึ้นที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซียตามลำดับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานสัมมนา SPACe สามารถเยี่ยมชมได้ที่

http://www.siemens.com.sg/SPACe/about_space.asp

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ SIMATIC PCS 7 v9.0 สามารถเยี่ยมชมได้ที่

http://w3.siemens.com/mcms/process-control-systems/en/distributed-control-system-simatic-pcs-7/pages/distributed-control-system-simatic-pcs-7.aspx

เอ็นซีอาร์เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยี ช่วยธุรกิจธนาคาร-สถาบันการเงินไทย ก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจ 4.0

ด้วยโซลูชั่นที่ครอบคลุมทุกช่องทางและแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ NCR ช่วยให้ธนาคารสถาบันการเงินสามารถสร้างความยืดหยุ่นจากการนำเอาเทคโนโลยียุคใหม่มาใช้ พร้อมลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

 

กรุงเทพฯ – 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560 NCR Corporation (NYSE: NCR) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการบริการทางการเงินแบบหลากหลายช่องทาง (omni-channel solutions) เปิดตัวโซลูชั่นสวีทแบบครบวงจร CxBanking สำหรับให้การสนับสนุนธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน (FIs) ในไทยในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและสู่รูปแบบการบริการทางเงินผ่านการบริการแบบหลากหลายช่องทาง  การใช้งานโซลูชั่น CxBanking ของเอ็นซีอาร์จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถนำเสนอช่องทางในการทพธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้าผ่านอุปกรณ์หลากหลายประเภท ได้อย่างลื่นไหล เพิ่มความรวดเร็วให้กับการให้บริการ และลดช่วงเวลาการหยุดทำงานของระบบ แถมด้วยประสิทธิภาพการทำงานในสำนักงานสาขา และวางแผนการใช้ทรัพยากรบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

ในงานการเปิดตัวโซลูชั่น มีการสาธิตข้อมูลรายละเอียดและการทำงานของพอร์ตโฟลิโอ CxBanking จากเอ็นซีอาร์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจากกว่า 70 สถาบันการเงินชั้นนำทั้งในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าของเอ็นซีอาร์ในงานได้สัมผัสโซลูชั่นการเงินแบบหลากหลายช่องทางในเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งได้ออกแบบบนหลักการที่เน้นการสร้างประสบการณ์ชั้นเลิศให้แก่ผู้ใช้บริการ  โดยโซลูชั่นสวีทนี้ประกอบด้วยโซลูชั่นการเงินในรูปแบบดิจิทัล และตู้การใช้บริการด้วยตัวเองที่ทันสมัย สามารถสร้างความได้เปรียบสำหรับอนาคตซึ่งจะเป็นยุคของการเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด

“เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีนั้น สถาบันการเงินต่างมองหาทางเลือกในการให้บริการ และไปสู่ช่องทางการบริการในแบบดิจิทัล  ซึ่งเป็นแนวทางที่นำไปสู่รูปแบบการให้บริการทางการเงิน ‘แบบดิจิทัลเท่านั้น’” จอร์จ แมคริยานนิส หัวหน้าฝ่ายขายโซลูชั่น ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เอ็นซีอาร์ กล่าว “โซลูชั่น CxBanking ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางที่มีความหลากหลาย รวมถึงรูปแบบการทำงานของสาขาที่จะมีความแตกต่างออกไป โดยที่เอ็นเตอร์ไพร้ซ์แอพพลิเคชั่นแพลตฟอร์มของเราจะให้ความมั่นใจได้ว่าธุรกรรมทางการเงินของธนาคารนั้นจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นบนโครงสร้างระบบที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน”

 

เอ็นซีอาร์ได้แสดงการสาธิตเทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานของสาขา Branch Transformation  รวมถึง NCR Interactive Teller นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ลูกค้าสามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ธนาคารจากทางไกลได้ผ่านระบบวิดีโอและเสียงที่มีคุณภาพสูง นอกเวลาทำการ  ด้วยการย้ายธุรกรรมที่เกิดอยู่เป็นประจำไปสู่ช่องทางการใช้บริการด้วยตนเอง  ในส่วนของเครื่อง Interactive Teller ของเอ็นซีอาร์นั้นก็จะเป็นส่วนที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ธนาคารสามารถให้เวลาในการบริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น  อำนวยความสะดวกแก่ธุรกรรมที่มีมูลค่าทางการเงินสูงกว่า และสร้างความประทับใจในการให้บริการกับลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น

“พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากเทคโนโลยี และเอ็นซีอาร์คือผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนั้น”  จอย แยพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายการบริการทางการเงิน เอ็นซีอาร์ กล่าว “เทคโนโลยีล้ำยุคสำหรับบริการทางการเงินทั้งออนไลน์และบนอุปกรณ์ไร้สายที่เปิดตัวในวันนี้ ผสานสภาพแวดล้อมของการมีปฏิสัมพันธ์ตัวต่อตัวแบบดั้งเดิมเข้ากับการสร้างบริการทางการเงินที่พร้อมเสมอในทุกช่องทาง  สร้างความยืดหยุ่นคล่องตัวในการให้บริการแก่ผู้บริโภค  และยังสามารถที่จะควบคุมธุรกรรมตามความต้องการของลูกค้า ตามรูปแบบแพลตฟอร์มการใช้งานที่เลือกใช้ได้เปนอย่างดี”

 

เอ็นซีอาร์ยังได้เปิดตัวโซลูชั่นประมวลผลธุรกรรมอัจฉริยะ ที่ทำงานได้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุดในชื่อ Authentic ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มระบบชำระเงินเจ้าแรกที่รองรับมาตรฐาน PA-DSS 3.1 และออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกิจรับขำระเงินที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว  นี่คือระบบรับชำระเงินบนเทคโนโลยีล้ำหน้าสำหรับธุรกิจธนาคารรายย่อย, บริษัทบัตรเครดิต, บริษัทจัดซื้อ, บริษัทผู้ให้บริการรับชำระเงิน รวมถึงบริษัทห้างร้านที่ต้องผ่านมาตรฐาน ISO ที่มีอยู่ทั่วโลก

การสาธิตการทำงานที่นำมาแสดงในงานเปิดตัวประกอบไปด้วย

  • NCR APTRA Connections – โซลูชั่นที่เปลี่ยนรูปแบบช่องทางสื่อสารกับลูกค้าที่ครบวงจรการสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างบริการที่สามารถเพิ่มมูลค่า ไม่ว่าลูกค้าจะเลือกติดต่อผ่านช่องทางใดก็ตาม
  • NCR Connected Payments เทคโนโลยีที่มาในรูปแบบของโซลูชั่นแบบ software-as-a-service (SaaS) ที่ให้ทั้งความปลอดภัยและแม่นยำพร้อมทั้งปกป้องในการส่งผ่านให้กับข้อมูลในการทำธุรกรรม ตั้งแต่การใส่รหัสไปจนถึงขั้นตอนการประมวลผลการชำระเงิน
  • SelfServ ATMs ตู้เอทีเอ็มสำหรับการใช้บริการด้วยตัวเอง ทั้งการฝากเงินและการให้บริการต่างๆ
  • บริการการถอนเงินผ่านทางอุปกรณ์มือถือ
  • จุดให้บริการทางการเงินสำหรับการเปิดบัญชีหรือบัตรเครดิต
  • NCR Fractals โซลูชั่นการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง
  • NCR Payment Platform แพลตฟอร์มระบบรับชำระเงิน ที่เป็นสะพานสำหรับช่วยให้กระบวนทำงานแบบดั้งเดิมนั้นสามารถผสานเข้ากับช่องทางการชำระเงินทั้งแบบดิจิทัลและในแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

 

เกี่ยวกับเอ็นซีอาร์คอร์ปอเรชั่น (NCR Corporation)

เอ็นซีอาร์ คอร์ปอเรชั่น ( NYSE: NCR ) เป็นผู้นำด้านโซลูชั่นการบริการทางการเงินแบบหลากหลายช่องทาง ที่เปลี่ยนรูปโฉมของการติดต่อสื่อสารเชิงธุรกิจในทุกๆ วัน ให้เป็นประสบการณ์ชั้นยอดอันน่าประทับใจ ด้วยซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และพอร์ตโฟลิโอของการให้บริการด้านต่างๆ เอ็นซีอาร์ให้การรองรับการดำเนินธุรกรรมทางการเงินถึงกว่า 700 ล้านธุรกรรมต่อวัน ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การค้ารายย่อย การเงิน การเดินทาง การบริการต้อนรับ โทรคมนาคมและเทคโนโลยี รวมไปถึงวิสาหกิจขนาดย่อม โซลูชั่นของเอ็นซีอาร์ขับเคลื่อนธุรกรรมในแต่ละวัน เพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น

เอ็นซีอาร์มีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ เมืองดูลูธ รัฐจอร์เจีย ด้วยพนักงานกว่า 30,000 คน ดำเนินธุรกิจใน 180 ประเทศ
NCR เป็นเครื่องหมายการค้าของ เอ็นซีอาร์คอร์ปอเรชั่น ( NCR Corporation ) ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ  เอ็นซีอาร์ขอเชิญชวนให้นักลงทุนได้เข้าเยี่ยมเว็บไซต์ของเราเพื่อติดตามข้อมูลที่ได้รับการอัพเดทอยู่เป็นประจำ เพื่อรับรู้ข่าวสารด้านการเงินหรือข้อมูลสำคัญของบริษัทเอ็นซีอาร์

Web site: www.ncr.com

Twitter: @NCRCorporation

Facebook: www.facebook.com/ncrcorp

LinkedIn: www.linkedin.com/company/ncr-corporation

YouTube: www.youtube.com/user/ncrcorporation