ค่าย อนุรักษ์ กาญน่ะจ๊ะบุรี

ค่าย อนุรักษ์ กาญน่ะจ๊ะบุรี (ตอน จังหวะจะโดน)

ค่าย อนุรักษ์ กาญน่ะจ๊ะบุรี
ค่าย อนุรักษ์ กาญน่ะจ๊ะบุรี

ค่าย อนุรักษ์ กาญน่ะจ๊ะบุรี  (ตอน จังหวะจะโดน)
กระบวนการงานอาสา เพื่อพัฒนาจิตใจ

วันเสาร์ที่ ๔ – ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๓วัน๒คืน)

สถานที่

อุทยานแห่งชาติ น้ำตกไทรโยคน้อย จ.กาญจนบุรี

การเดินทาง

โดยรถไฟ

รับอาสาสมัคร ๕๐ คน
ค่าใช้จ่ายสมทบทุนกิจกรรม ๖๘๐ บาท

ชี้แจงค่าสมัคร

๑.ค่าเช่าเหมารถสองแถว (ไป – กลับ ,สถานีรถไฟ – ที่พัก)
๒.ค่าเช่าเหมารถบัส (ศึกษาเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด,พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ สงครามโลก ๒)
๓.ค่าที่พัก (ค่ายลูกเสือพฤษศิริ ๓ วัน ๒ คืน )
๔.ค่าอาหาร ๒ มื้อ ( วันที่ ๔ มื้อเย็นบนรถไฟ ข้าวเหนียวหมู+ไข่ต้มห่อใบตอง ,วันที่ ๕ ข้าวห่อใบตองมื้อเช้า )
๕.ค่าอุปกรณ์ในการดำเนินกิจกรรม
๖.ค่าสวัสดิการ ขนม,มาม่า,น้ำดื่ม

…………………………………………………………..

อ่านก่อนสมัคร – เนื้องานกิจกรรม

๑.ค่ายอนุรักษ์สิ่งดีงาม ปลูกฝังจิตสำนึก ฝึกฝนวินัย ให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่ออุปนิสัยที่ดีงามและการพัฒนาจิตใจอย่างยั่งยืน
๒.กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพและการค้นหาตนเอง , กระบวนการเสริมประสิทธิภาพการฟังเพื่อการเข้าใจตนเองและผู้อื่น

๓. รณรงค์เก็บขยะบริเวณน้ำตก
๔. กิจกรรม ศิลปะเพื่อการสื่อสาร,ดนตรีเพื่อการผ่อนคลาย,งานปั้นสะท้อนตัวตน,ฝึกจิตด้วยธนูสมาธิ,
{ ที่เหลือไม่บอกต้องมา โดนด้วยตัวเอง }

๕.เดินทางด้วยรถไฟ ข้ามสะพานแม่น้ำแควผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ ใช้เวลาเดินทาง เกือบ ๕ ชม.
๖.พานั่งรถบัสไปศึกษาเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด,พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ สงครามโลกครั้งที่ ๒)

๗.มีอาหารให้ ๒ มื้อคือมื้อเย็นวันที่ ๔และเช้าวันที่ ๕ ในส่วนที่เหลือหากินเอง มีร้านอาหารบริเวณที่พัก ราคาข้าวขั้นต่ำอยู่ที่ ๓๕ บาท

๘.ที่พักค่ายลูกเสือ เป็นโรงนอนแยก ชาย – หญิง
๙.ห้องอาบน้ำ อาบน้ำรวม มีอ่างใหญ่ใส่นำตรงกลาง แยก ชาย – หญิง คนละโรงอาบน้ำ
๑๐. กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่ายไม่เรื่องมากและให้ความร่วมมือในทุกๆกิจกรรม

๑๑. งดเครื่องดื่มมึนเมาและอบายมุขทุกประเภท
ตลอดจนขอความร่วมมือไม่ออกนอกค่ายตอนกลางคืน
*** ไม่ให้ความร่วมมือ ส่งกลับบ้าน****

……………………………………………………………………

[ สมัครเข้าร่วมกิจกรรม ]
เปิดรับสมัคร ตั้งแต่ บัดนี้ จนกว่าจะครบจำนวน
พร้อมแล้ว คลิกเบาๆ ตามลิงค์ เลยครับผม

https://docs.google.com/forms/d/1uXx5dj6oZy5zr3hiPdYBT1XdWM3Q1dgNA0eU0Sec5yo/viewform?usp=send_form

{ กรุณา กรอก ข้อมูล ให้ชัดเจนและครบถ้วน }
** แล้ว รอ การติดต่อกลับทาง E-mail จากทีมงาน **

…………………………………………………………………….

[ ** ชี้แจงเพิ่มเติม** ]

๑. เมื่อได้รับ E-mail ตอบกลับเพื่อยืนยันตน เข้าร่วมกิจกรรมแล้ว ให้โอนเงิน ภายใน ๓ วัน **ไม่เช่นนั้น ทางทีมงานจะถือว่าท่านสละสิทธิ์

๒. เมื่อท่านได้โอนเงิน ค่าสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ให้แจ้งการโอนเงินโดย

๒.๑ ส่งหลักฐานการโอนเงิน มาที่ E-mail
arsa_dd@hotmail.com
๒.๒ ถ้าไม่สะดวก จริงๆ ให้ โพสในห้องกิจกรรมหรือโทรแจ้ง ที่เบอร์ ๐๘๒-๗๗๙-๒๒๕๖

** อย่าลืม แจ้งชื่อและ เวลาในการโอน ให้ชัดเจน **

๓. หากเกิดกรณีผู้สมัครขอยกเลิก การเข้าร่วมกิจกรรมในภายหลัง ทางทีมงานขออนุญาต ไม่คืนค่าสมัคร
เนื่องจากทางเราได้เตรียมการในส่วนที่ต้องมีค่าใช้จ่ายไปแล้ว
และจะนำเงินในส่วนนี้ สมทบทุนกิจกรรมเพื่อสังคม

……………………………………………………………………

กำหนดการ

วันเสาร์ที่ ๔ เมษายน พ.ส. ๒๕๕๘

เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๓.๕๕ น. เริ่มเปิดลงทะเบียน รับป้ายชื่อและตั๋วรถไฟ ที่สถานีรถไฟธนบุรี (ชื่อเดิม สถานีรถไฟบางกอกน้อย) จะอยู่ใกล้ๆ รพ.ศิริราช

เวลา ๑๓.๕๕ น. – ๑๙.๐๐ น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟน้ำตก จ.กาญจนบุรี
เวลา ๑๙.๐๐ น. – ๑๙.๑๐ น. นั่งรถสองแถว มุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติไทรโยคน้อย

เวลา ๑๙.๑๐ น. – ๒๐.๐๐ น. พักให้ทำธุระส่วนตัว กินข้าว ซื้อน้ำ ขนม ฯลฯ ตามอัธยาศัย เพราะบนค่ายที่พักไม่มีร้านค้า
เวลา ๒๐.๐๐ น. – ๒๐.๓๐ น. บริบทที่ ๑ ทดสอบกำลังใจเดินด้วยเท้า ผ่านเส้นทางธรรมชาติ ขึ้นสู่ที่พัก

เวลา ๒๐.๓๐ น. – ๒๑.๐๐ น. เก็บสัมภาระเข้าที่พักให้เรียบร้อย (โรงนอนมีที่นอนกับผ้าห่มให้)
เวลา ๒๑.๐๐ น. – ๒๓.๐๐ น. บริบทที่ ๒ กิจกรรมวันแรกพบสบตาประสานใจ ต้อนรับเข้าค่าย สานสัมพันธ์สามัคคี ชาวค่าย

เวลา ๒๓.๐๐ น. – ๒๓.๓๐ น. ชี้แจงกำหนดการ นัดหมายและการเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้
เวลา ๒๓.๓๐ น. – ๒๔.๐๐ น. ทำภาระกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย
เวลา ๒๔.๐๐ น. – ๐๕.๐๐ น. ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับพักผ่อน ปิดไฟ เข้าโหมดสภาวะเงียบสงบ

วันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘

เวลา ๐๕.๐๐ น. – ๐๖.๐๐ น. เสียงนกหวีดนำปลุก ตื่นนอนและทำภาระกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย
เวลา ๐๖.๐๐ น. – ๐๗.๓๐ น. บริบทที่ ๓ สุขภาพดีไม่มีขาย กิจกรรมกายบริหาร และพาเดินออกกำลังกาย ชื่นชมธรรมชาติ ลัดเลาะพื้นที่น้ำตกไทรโยคน้อย ระยะทางประมาณ ๖ กิโล

เวลา ๐๗.๓๐ น.- ๐๘.๓๐ น. พักรับประทานอาหารเช้า ข้าวกระเพราไก่ไม่เผ็ด+ไข่ต้ม ห่อใบตอง ( ต้องเตรียมช้อนมาเอง )
เวลา ๐๘.๓๐ น. – ๐๙.๐๐ น. บริบทที่ ๔ กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน กิจกรรมการสื่อสารอย่างสันติวิธี

เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๐๐ น. กิจกรรมงานศิลปะคือชีวิต
และฉันเองนี่ละ ตัวศิลปิน
เวลา ๑๐.๐๐ น. – ๑๑.๔๐ น. บริบทที่ ๕. บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณะประโยชน์ส่วนรวม ในกิจกรรม เก็บขยะบริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย
เวลา ๑๑.๔๐ – ๑๒.๐๐ น. ล้อมวงพูดจา ปัญหาสะท้อนสังคม ในหัวข้อ อะไรเป็นขยะสังคมในปัจจุบัน

เวลา ๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๐๐ น. พักรับประทานอาหารกลางวัน มื้อนี้รับผิดชอบตัวเอง ทานให้อิ่ม ทานให้เร็ว รักษาเวลาด้วย เพราะเวลาเรามีน้อยจงใช้สอยอย่างประหยัด
เวลา ๑๓.๐๐ น. – ๑๓.๓๐ น. ขึ้นรถบัสออกเดินทางมุ่งหน้า สู่ พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ ช่องเขาขาด

เวลา ๑๓.๓๐ น. – ๑๕.๓๐ น. บริบทที่ ๖ เรียนรู้จากเหตุการณ์จริง กับเรื่องราวความโหดร้ายของ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ในเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด
เวลา ๑๕.๓๐ น. – ๑๖.๐๐ น. เดินทางกลับสู่ที่พัก อย่างปลอดภัย
เวลา ๑๖.๐๐ น. – ๑๙.๐๐ น. พักผ่อน อาบน้ำเล่นน้ำตกตามอัธยาศัย และดูแลตัวเองในส่วนอาหารมื้อเย็นให้เรียบร้อย

เวลา ๑๙.๐๐ น. – ๑๙.๓๐ น. บริบทที่ ๗ ตื่นรู้ อยู่กับตัวเอง ฝึกเจริญสติแบบเคลื่อนไหว ด้วยการยิง ธนูธรรมาภิรมย์
เวลา ๑๙.๓๐ น.- ๒๐.๓๐ น. กิจกรรม ปั้นด้วยมือ สะท้อนด้วยใจ กลับเข้าสู่โหมดค้นหาตัวตน จากผลงาน

เวลา ๒๐.๓๐ น. – ๒๑.๓๐ น. บริบทที่ ๘ ละครชาวค่าย เรียนรู้ร่วมกันอย่างสนุกแบบมีสาระ ส่งเสริมความสามัคคีในการระดมความคิดอย่างสร้างสรรค์

เวลา ๒๑.๓๐ น. – ๒๒.๓๐ น. บริบทที่ ๙ กลับเข้าสู่โลกภายใน เพื่อการเกิดใหม่และค้นหาตัวตน กิจกรรม สาสน์ลับจากดวงใจ ในพื้นที่ อบอุ่นและปลอดภัย
เวลา ๒๒.๓๐ น. – ๒๓.๓๐ น. จังหวะจะโดน ( กิจกรรมลับ สุดยอดอธิบายออกสื่อไม่ได้ )

เวลา ๒๓.๓๐ น. – ๒๔.๐๐ น. สรุปกิจกรรมทั้งหมด พร้อมนัดหมายกำหนดการ วันพรุ่งนี้

เวลา ๒๔.๐๐ น. – ๐๔.๐๐ น. ทำภาระกิจส่วนตัวและนอนหลับพักผ่อน

วันจันทร์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘

เวลา ๐๔.๐๐ น. – ๐๕.๐๐ น. ตื่นนอนทำภาระกิจส่วนตัวเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย
เวลา ๐๕.๐๐ น. – ๐๕.๒๐ น. ออกเดินทางโดยรถสองแถว มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟน้ำตก

เวลา ๐๕.๒๐ น. – ๑๑.๐๐ น. ออกเดินทางโดยรถไฟ มุ่งหน้าสู่สถานี ธนบุรี อย่างปลอดภัย

( กำหนดการอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม )

…………………………………………………………………….

[ ข้อมูลเพิ่มเติม – เกี่ยวกับผู้จัดกิจกรรม ]

เพจ อาสาสมัคร อนุรักษ์สิ่งดีงาม
https://www.facebook.com/pages/อาสาสมัคร-อนุรักษ์สิ่งดีงาม/201670193324850?ref=hl

กลุ่ม อาสาสมัคร อนุรักษ์สิ่งดีงาม
(สามารถกดเข้าร่วม เพื่อรับข้อมูลข่าวสารงานอาสาสมัครต่างๆ)
https://www.facebook.com/groups/148850101973404/

ประมวลผลภาพกิจกรรมต่างๆ ตามลิงค์นี้
http://www.youtube.com/results?search_query=อาสาสมัคร+อนุรักษ์สิ่งดีงาม

…………………………………………………………………….

[ สอบถามเพิ่มเติม ]

คุณอารีย์ โพธิ์ศรี
https://www.facebook.com/Mr.areee
ผู้ดูแลโครงการ และประสานงาน กิจกรรม
e-mail : arsa_dd@hotmail.com
โทร : ๐๘๒-๗๗๙-๒๒๕๖

อาสาสร้าสุขให้เด็ก

รับอาสาสร้างสุขให้ “เด็ก” เป็นเพื่อนเล่น สอนการบ้านเด็ก และพัฒนาการเด็ก ให้แก่เด็กในสถานสงเคราะห์

รับอาสาสมัครสร้างสุขให้เด็ก

 

ชื่อหน่วยงาน: โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กในสถานสงเคราะห์ ด้วยพลังอาสาสมัคร มูลนิธิสุขภาพไทย
เบอร์ติดต่อ: 0-2589-4243 }0-2591-8092 หรือ 087-5101687
จำนวนอาสาสมัครที่รับ: 250 คน โดยกระจายไปตามสถานสงเคราะห์เด็ก 5 แห่ง
อีเมลล์: thaihof@gmail.com

มูลนิธิสุขภาพไทย และเครือข่ายภาคี ร่วมกันจัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กในสถานสงเคราะห์ ด้วยพลังจิตอาสา โดยมุ่งหวังให้พลังอาสาสมัครมีส่วนในการส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ และพฤติกรรมให้กับเด็กจำนวนมากมายที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ปัจจุบันมีเด็กพักอาศัยในสถานสงเคราะห์แต่ละแห่งไม่น้อยกว่า 300 คน ในขณะที่บุคลากรเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเด็กเหล่านั้นมีจำนวนจำกัดจึงมีผลต่อการดูแลเด็ก มูลนิธิสุขภาพไทยได้เปิดรับอาสาสมัครในสถานสงเคราะห์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2548 พบว่า การมีอาสาสมัคร 1 คน ดูแลเด็ก 1 คน โดยอาสามาทำหน้าที่พี่หรือเพื่อนให้กับเด็กๆ เพียงสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง ต่อเนื่องสัก 3-4 เดือน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับเด็ก เช่น เด็กยิ้มแย้มขึ้น กล้าพูดกล้าแสดงออกขึ้น เด็กบางรายพัฒนาการล่าช้าก็สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น และพบว่าเด็กมี “ความสุข” เพิ่มขึ้นทุกคน

โดยมีสถานสงเคราะห์ต่างๆดังนี้

1. สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต

2. สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด

3. สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี

4. สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา(บ้านเฟื่องฟ้า)

5. สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด(บ้านนนทภูมิ)

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิสุขภาพไทยจึงขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมกันเป็นอาสาสร้างสุขให้ “เด็ก” ซึ่งมีกิจกรรมและพื้นที่รับอาสารวม 5 แห่ง ตามรายละเอียดด้านล่าง

รับอาสาสมัครสร้างสุขให้เด็ก รับอาสาสมัครสร้างสุขให้เด็ก

คุณสมบัติอาสาสมัคร

  1. มีความสนใจการพัฒนาเด็ก มีจิตใจเอื้อเฟื้อ มีความเมตตาต่ออเด็ก

  2. มีเวลาสัปดาห์ละครั้ง (3 ชั่วโมง) ต่อเน่ืองสม่ำเสมอ 4 เดือน

  3. อายุ 20 ปี ขึ้นไป

ปฐมนิเทศอาสาสมัคร : เดือนมีนาคม 2558 (วัน เวลา และสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง)

ระยะเวลาการเป็นอาสาสมัคร : เริ่มกลางมีนาคม-กรกฎาคม 2558 รวม 16 ครั้ง

download application form

เกาะหลีเป๊ะ

ดำน้ำที่เกาะหลีเป๊ะ (LIPE) 4 วัน 3 คืน ด้วยงบ 4,800 บาท

ทริปนี้  4 วัน 3 คืน ด้วยงบประมาณรวมทุกอย่างแล้ว อยู่ที่คนละ 4,800 บาท

เราเริ่มจากการเดินทางจากกรุงเทพฯ ที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 6 โมงเช้า ถึงสนามบินหาดใหญ่ เมื่อเวลา 07:00 น.

เทคนิคประหยัด วางแผนไว้ข้ามปีแล้วจองตั๋วเครื่องบินช่วงมีโปรโมชั่น เราจองแอร์เอเชียตอนมีโปรโมชั่น รวมค่าเครื่องไป-กลับ ประมาณ 1,000 บาท

ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะเพราะไม่ได้จัดทริปของวันแรก เราและผองเพื่อนเลยขอเถลไถลอยู่ที่หาดใหญ่ก่อนซักพัก เนื่องจากได้ยินมาว่ามีร้านติ่มซำเจ้าอร่อยขึ้นชื่อของหาดใหญ่ จึงอยากจะลิ้มลองรสชาติซักหน่อย จากนั้นเราก็ไม่รีรอจัดเลยค๊าา!!! ตรงไปที่ร้าน

“โชคดีเต่าเตี๊ยม” 

ราคาไม่แพง เข่งละ 18 บาท หลังจากที่ทานกันอิ่มหนำสำราญกันแล้ว เป็นเวลาประมาณ 09:00 น.  เราก็โทรเรียกรถตู้ให้มารับ (รถตู้ที่โทรจองไว้ รวมอยู่ในแพคเกจเรือสปีดโบ๊ท)  เนื่องจากมากันหลายคน (6 คน) รถตู้จึงมารับที่ร้านติ่มซำ ซึ่งรถตู้นี้จะไปรับเราที่ไหนก็ได้ในหาดใหญ่ แต่จำนวนคนต้องไม่ต่ำกว่า 6 คน (ถ้าไป 2 คน ไม่มารับนะจ๊ะ)  🙂

จากหาดใหญ่ถึง “ท่าเรือปากบารา” เราก็นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลาประมาณ 1:30 ชม. (ค่าเรือและค่ารถไป-กลับ คนละ 1,200 บาท) ซึ่งจะต้องไปเปลี่ยนเรือเป็นเรือยาว (เนื่องจากมีกฎห้ามเรือสปีดโบ๊ทเข้าไปใกล้ฝั่ง ด้วยเกรงว่าอาจจะทำให้ปะการังริมหาดเสียหายได้) จะมีโป๊ะตั้งรออยู่สำหรับการขึ้นไปเปลี่ยนเรือ โดยจะต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มอีกคนละ 50 บาท เป็นค่าเรือยาว ก่อนขึ้นเรือเราจะต้องแจ้งว่าพักที่ไหน เพราะเรือยาวนี้จะพาเราไปยังหาดฝั่งที่อยู่ใกล้ที่พักเรามากที่สุด

เราพักกันที่ “เมาส์เท่น รีสอร์ท (mountain resort)” ถึงที่พักประมาณ 16:00 น. เก็บข้าวของแล้วพักผ่อน

mountain resort
mountain resort
mountain resort
mountain resort
mountain resort
mountain resort

เวลา 16:00 น. ออกไปเดิน walking-street (ถนนคนเดิน) จะมีรถกระบะจากรีสอร์ทรับ-ส่ง walking-street

เราทานอาหารกันที่ walking-street ร้าน “คนเล” ราคาอาหารที่จำได้คร่าวๆ อย่างเช่นข้าวผัดทะเล 120 บาท แต่ราคานี้กุ้งตัวโตๆ ปลาหมึกเต็มๆ คือทุกอย่างจัดเต็ม ที่ walking-street จะมีร้านโรตี ร้านชาชัก ที่ทุกคนจะต้องแวะไปลิ้มชิมรส

walking street lipe
walking street lipe
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
ร้านอาหารที่เกาะหลีเป๊ะ
ร้านอาหารที่เกาะหลีเป๊ะ

เรื่องของอาหารการกิน บนเกาะจะมี 7-eleven ราคาของที่เช็คคร่าวๆคือประมาณ 2 เท่าของราคาบนฝั่ง นอกจาก 7-eleven แล้วยังมีร้านขายของชำด้วย ซึ่งหากเทียบราคากับ 7-eleven จะถูกว่ากันประมาณ 20-30%

ส่วนร้านอาหาร ขอแนะนำเป็นร้านอาหารที่ไม่ได้อยู่ที่ walking-street เพราะถูกกว่า แถมได้บรรกาศริมทะเลอีกด้วย ส่วน walking-street เหมาะกับการเดินซื้อของกินเล่น หรือของใช้ทั่วๆไป

สำหรับทริปดำน้ำที่  walking-street จะมีบริษัทที่จะพานักท่องเที่ยวทัวร์ดำน้ำอยู่ เราจะต้องไปซื้อแพคเกจ โดยจะมีทัวร์ดำน้ำรอบใน ราคาอยู่ที่ 550-650 บาท/คน และทัวร์ดำน้ำรอบนอกอยู่ที่ 750-850 บาท/คน ในราคานี้จะรวมกับอาหารกลางวันด้วย 1 มื้อ

เนื่องจากว่ามาเป็นรอบที่สอง และได้ขอเบอร์ของคนเรือที่จะพาเราไปทัวร์ดำน้ำไว้ตั้งแต่รอบแรก เราเลยโทรติดต่อเขาโดยตรง เขาคิดราคาเหมาอยู่ที่ 2,000 บาท/วัน เฉลี่ยตกคนละประมาณ 335 บาท สำหรับทัวร์รอบใน แต่ไม่มีอาหาร เราจะต้องเตรียมกันไปเอง โดยสั่งไว้กับร้านที่ถนนคนเดินเมื่อตอนเย็น และบอกเวลาให้เขามาส่งเราที่รีสอร์ทในตอนเช้า  ส่วนค่าอาหารเฉลี่ยคนละประมาณ 100 บาท

รวมค่าทัวร์ดำน้ำสำหรับรอบใน อยู่ที่ 435 บาท/คน

***ทริคที่ได้จากการติดต่อคนเรือโดยตรงก็คือ เขาสามารถพาเราไปยังจุดดำน้ำอื่นๆ ที่ไม่ต้องไปออกันกับทัวร์อื่นๆ เพราะมีประสบการณ์ในการออกเรือกับบริษัททัวร์ รู้ว่าเรือทัวร์ออกกี่โมง ไปจุดไหนก่อนหลัง ทำให้สามารถหาวิธีหลีกเลี่ยงการพบปะกับทัวร์อื่นๆได้เป็นอย่างดี และแจ้งเวลาในการออกไปดำน้ำก่อนทัวร์อื่นๆครึ่งชั่วโมง ***

เราออกดำน้ำกันตอน 9:00 น. แม้จะเคยมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย น้ำทะเลสวยมาก เห็นแล้วรู้สึกหายเหนื่อยไปเลย unseen Thailand บางเกาะจะมีค่าเข้าชมเกาะ คนละ 40 บาท

ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ

ดำน้ำที่เกาะหลีเป๊ะ

ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
ดำน้ำที่หลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
ดำน้ำ เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ
ดำน้ำเกาะหลีเป๊ะ

***ทริคดีๆจากคนเรือ พาเราไปยังเกาะใหญ่ก่อนแล้วค่อยไปยังเกาะเล็ก เพื่อนำบัตรผ่านไปใช้กับเกาะเล็ก อื่นๆอีก

หลังจากดำน้ำเสร็จประมาณบ่าย 2 ก็พักผ่อนกัน และเตรียมตัวออกไปดูพระอาทิตย์ตกตอน 5 โมงเย็น

นมัสการรอยพระพุทธบาท

นมัสการรอยพระพุทธบาท ที่เขาคิชฌกูฏจันทบุรี

นมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสูงเทียมฟ้า พระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี

นมัสการรอยพระพุทธบาท
นมัสการรอยพระพุทธบาท

การนมัสการรอยพระพุทธบาท เปรียบเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระศาสดา ซึ่งถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ผู้คนนับพันจึงพากันดั้นด้นมาที่นี่ จุดหมายคือยอดเขาคิชฌกูฏอันสูงลิบเพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทอันงดงาม

อุทยานแห่งชาติเขาคิชณกูฏ นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี ใครชอบเที่ยวน้ำตก ที่นี่มีน้ำตกคลองช้างเซ น้ำตกกระทิง และน้ำตกคลองกระสือ ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ที่สำคัญบนยอดเขาคิชฌกูฏอันสูงลิบนั้นมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่พยายามจะขึ้นไปให้ถึงสุดปลายยอดเขา เพื่อกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งถือเป็นงานประเพณีที่สำคัญประจำปี และได้ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน โดยมีความเชื่อว่าจะได้บุญสูงสุด และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวง ต้องขึ้นรถกระบะโฟว์วีลไปตามถนนที่ลาดชันมาก ระยะทางราว 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร

รถกระบะโฟว์วีล
รถกระบะโฟว์วีล
การเดินทางขึ้นเขาคิชกูฎ
การเดินทางขึ้นเขาคิชกูฎ

บนยอดเขายังมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนาอยู่มากมาย ทั้งศิลาเจดีย์ หินรูปบารตคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ บนยอดเขาพระพุทธบาทอากาศเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ใครยังไม่เคยไป ไม่ควรพลาดครั้งหนึ่งในชีวิต รับรองไม่ผิดหวัง

DSC04443

DSC04470

DSC04475

ของอร่อยประจำถิ่นเมืองจันท์ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาท เขาคิชฌกูฏ อย่าพลาดเมนูเด็ดอย่างแกงหมูชะมวง กระวานผัดฉ่า ไก่บ้านต้มกระวาน ปกงป่าปลาเห็ดโคน น้ำพริกปูหลน ส้มตำ ทุเรียนหมอนทอง

งานนมัสการรอยพระพุทธบาท ณ เขาคิชฌกูฏ จัดเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปี (ปลายเดือนมกราคม – มีนาคม) รวมระยะเวลา 2 เดือน

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook เขาพระบาทพลวง จันทบุรี

ขอบคุณข้อมูลจาก http://thai.tourismthailand.org/

กำลังใจในกล่องไปรษณีย์ ถึงผู้กล้าชายแดนใต้

เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ จะเป็นเช่นไรหากไม่มีตำรวจและทหารผู้กล้าทั้งหลาย ที่เสียสละความสุขสบาย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบและชีวิตของพี่น้องชาวไทย
เรามาช่วยกันคนละกล่องสองกล่อง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเหล่าทหารและตำรวจผู้กล้าทั้งหลายกันเถอะ

ไปรษณีย์ไทยใจดีช่วยส่งพัสดุจดหมายให้ทหารภาคใต้ ส่งแบบธรรมดาไม่เกิน 5 กก. ส่งฟรี!!!
เพียงวงเล็บมุมกล่องบนขวาว่า (ทบ.สนามชายแดน)

สิ่งของที่ต้องการได้แก่

  • ขนมที่เก็บได้นาน
  • ยารักษาโรค
  • กาแฟ ชา
  • น้ำพริกต่างๆ
  • กางเกงในชาย
  • ถุงเท้า
  • หนังสือการ์ตูน
  • นิตยสาร
  • หรือ ส.ค.ส.ปีใหม่ ส่งความสุขและคำอวยพรก็ได้ค่ะ
  • หรือเพิ่มเติมอาทิเช่น แป้งเย็นแป้งระงับกลิ่นอับชื้น /แปรงสีฟัน ยาสีฟัน/ มีดโกนหนวดที่มีคุณภาพดีๆ/แชมพู/ผงซักฟอก/เสื้อกล้ามชาย/สมุดปากกาไว้จดบันทึกอะไรต่างๆ

1370852881-9229553626-o

1370852899-9446543626-o

1370852920-5806373626-o (1)

1383315534-1150292577-o1383314574-6444333711-o 1387558711-page-o

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://pantip.com/

โดยส่งตามที่อยู่ของทหารระดับปฏิบัติการต่างๆ ดังนี้
1. ค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส 96000
2. ค่าย สิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 94160
3. ค่าย อิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.เมือง จ.ปัตตานี 94170
4. ฐานปฏิบัติการ ตชด. ธรณิศ ศรีสุข ต.เขื่อนบางลาง อ. บันนังสตา จ.ยะลา 95130
5. ฐานปฏิบัติการ ตชด. บ้านสายสุราษฎร์ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา 95130
6. ฐานปฏิบัติการ ตชด. 444 ต.โต๊ะตีเต อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี 94150
7. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 21 ที่ว่าการ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 94160
8. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 22 วัดควนนอก อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี 94190
9. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 23 วัดหลักเมือง อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000
10. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 24 ศูนย์ฝึกอาชีพวัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 94180
11. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 25 สำนักงานสงฆ์ทุ่งยางแดง อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี 94140
12. หน่วยเฉพาะกิจ ที่ 26 วัดโชติรส อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี 94220
13. กรมทหารพราน ที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170
14. กองร้อยทหารสารวัตร จังหวัดทหารบกปัตตานี ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170
ช่วยกันส่งของและแชร์ต่อให้เพื่อน พี่ น้อง ได้รับรู้กันนะคะ ^_^

ศาลพันท้ายนรสิงห์

ศาลพันท้ายนรสิงห์

ศาลพันท้ายนรสิงห์

ศาลพันท้ายนรสิงห์
ตามประวัติท่านชอบชกมวยและตีไก่ จึงมีคนนำนวม, ไม้พายและรูปปั้นไก่มาแก้บน

เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2247 สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8(พระเจ้าเสือ) ประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ดตกปลา ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย มีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม คลองในบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก

พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวัง แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งจึงชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่าความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้น หมายถึง มรณะโทษให้ตัดศีรษะเสียจึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณีสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัย มิใช่ความประมาท จึงพระราชทานพระอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยันขอให้ตัดศีรษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมพระราชกำหนดกฎหมาย

สุดท้ายก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ ทรงจำพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนดดำรัสสั่งให้เพชรฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์ และโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตานำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล ภายหลังเหตุการณ์สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ทรงโปรดให้นำศพพันท้ายนรสิงห์มาแต่งกายพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติยศ

พันท้ายนรสิงห์ สร้างความศรัทธา และความนับถือ ในด้านความซื่อสัตย์และจงรักภักดี

 

ศาลพันท้ายนรสิงห์

ศาลพันท้ายนรสิงห์
เต็มไปด้วยรูปปั้นไก่ที่นำมาแก้บน

พันท้ายนรสิงห์ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ศาลนี้จึงเป็นที่พึ่งทางใจของคนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งนิยมมาขอพร ในเรื่องของการประสบผลสำเร็จ เมื่อขอไปแล้วสัมฤทธิ์ผล ผู้คนจึงนำนวมชกมวยและไม้พายเรือ แต่ในช่วงหลังมีคนนำรูปปั้นไก่แก้วมาแก้บน เนื่องจากตามประวัติท่านชอบชกมวยและตีไก่

ศาลพันท้ายนรสิงห์

 

ด้านข้างศาลจะมีเรือโบราณ ซึ่งคาดว่ามีอายุกว่า 300 ปี สร้างจากไม้ตะเคียนทอง ชาวบ้านเชื่อว่าเรือลำนี้อาจเป็นเรือในขบวนเสด็จ หรืออาจเป็นเรือในการลำเลียงทหาร

เรือโบราณ

 

เรือโบราณ