คลาริเวทเปิดรายชื่อนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยสูงในระดับโลกประจำปี 2018

Clarivate Analytics เปิดชื่อนักวิจัยพร้อมกับผลงานวิจัยหลากหลายสาขาที่ติดอันดับท็อป 1%

โดยวัดจากการอ้างอิงผลงานวิจัยแยกตามสาขาและปี

กรุงเทพมหานคร 30 พฤศจิกายน 2018 – Clarivate Analytics ผู้นำระดับโลกในการให้บริการข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แถลงวันนี้ว่าได้มีการเผยแพร่รายชื่อนักวิจัยที่มียอดการอ้างอิงผลงานวิจัยในระดับสูง (HCR) ซึ่งจัดทำเป็นปีที่ 5 แล้วสำหรับการวิเคราะห์การอ้างอิงผลงานวิจัยที่ระบุตัวนักวิจัยที่ทรงอิทธิพลตามที่ได้ตัดสินโดยเพื่อนร่วมวงการทั่วโลก (ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องจากจำนวนครั้งการอ้างอิงที่สูงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา)  โดย Web of Science จะให้บริการข้อมูลพื้นฐานบัญชีรายชื่อของนักวิจัยซึ่งมีการอ้างอิงผลงานวิจัยของพวกเขาที่ได้รับการบันทึกในอันดับต้น 1% โดยการอ้างอิงผลงานวิจัยแยกตามสาขาและปี

 

แดวิด เพนเดิลเบอรี่, นักวิเคราะห์การอ้างอิงผลงานวิจัยระดับอาวุโส ของ Clarivate Analytics อธิบายว่า “ปีนี้มีประเภทงานวิจัยข้ามสาขาเพิ่มเข้ามาใหม่เพื่อเป็นการยกย่องนักวิจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากในสาขาต่างๆ แต่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ถูกอ้างอิงการวิจัยมากพอในสาขาใดสาขาหนึ่งโดยเฉพาะ  ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนี้ นักภูมิคุ้มกันวิทยาดูเหมือนว่าจะเป็นได้ทั้งนักชีวเคมีหรือนักชีวภาพโมเลกุล และนักเคมียังเป็นได้ทั้งนักวัสดุศาสตร์และเป็นได้แม้กระทั่งวิศวกร  การทลายกำแพงการจัดหมวดหมู่ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมที่สร้างขึ้นโดยการเปิดตัวหมวดหมู่ข้าม

สาขา มีจุดประสงค์เพื่ออัพเดตบัญชีรายชื่อนักวิจัยที่มีการอ้างถึงอย่างมากให้ทันสมัยและตรงประเด็น

 

ข้อค้นพบที่สำคัญ:

  • มีนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากถึง 4000 กว่าคน ที่มีชื่ออยู่ใน 21 สาขาของวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์
  • สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากจำนวนสูงสุด คือ 2,639 คน รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร 546 คน และตามมาด้วยจีน 482 คน มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเป็นสถาบันที่มีนักวิจัยตามบัญชีรายชื่อข้างต้นมากที่สุด
  • ท่ามกลางนักวิจัย 4,058 คน ที่มีชื่อว่าเป็นนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากอยู่ในฐานข้อมูลวิจัย Essential Science Indicator (ESI) โดย 194 คน (หรือ 8%) มีชื่ออยู่ในงานวิจัย 2 สาขาของ ESI ยังมีนักวิจัยชั้นยอด 24 คน มาจากอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ที่มีชื่ออยู่ในงานวิจัย 3 สาขา
  • ข้อสังเกตุใหม่ในปี 2018 มีนักวิจัยใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 คน ที่ถูกระบุว่ามีผลงานยอดเยี่ยมจากงานวิจัยที่มีผลกระทบอย่างสูงในสาขาต่างๆ มีหลายประเทศที่มีนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากสูงกว่า 40% ที่ถูกเลือกให้อยู่ในหมวดหมู่ข้ามสาขา ได้แก่ สวีเดน (53%) ออสเตรีย (53%) สิงคโปร์ (47%) เดนมาร์ก (47%) จีน (43%) และเกาหลีใต้ (42%)
  • รายชื่อของปีนี้ยังคงยกย่องนักวิจัยผู้ที่มีบันทึกการอ้างอิงผลงานวิจัยในอันดับสูงสุดในแง่ของอิทธิพลและผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ได้รับรางวัลโนเบล 17 คน รวมถึงผู้ที่ได้รับการประกาศในปีนี้ 2 คน ได้แก่ เจมส์ พี. อัลลิสัน (สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์) และ วิลเลียม ดี. นอร์ดเฮาส์ (สาขาเศรษฐศาสตร์) นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ได้รับรางวัลการอ้างอิงผลงานวิจัยของ Clarivate Analytics 56 คน ซึ่งแต่ละคนเป็นผู้ที่เราได้ระบุว่าเป็นนักวิจัยใน “ระดับรางวัลโนเบล” และผู้ที่มีโอกาสเข้าชิงรางวัลโนเบล
  • สถาบันวิจัยแห่งออสเตรเลียยังคงสร้างผลงานที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนของนักวิจัยที่ได้รับการยอมรับว่ามีการอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากได้เพิ่มขึ้นเกินกว่าสองเท่าในระยะเวลา 4 ปี จากจำนวน 80 คนในปี 2014 กลายเป็น 170 คนในปี 2018 ท่ามกลางนักวิจัยเหล่านี้จะเป็นผู้วิจัยในหนึ่งสาขาหรือมากกว่าจากจำนวนทั้งหมด 21 สาขา  เห็นได้ชัดว่าสถาบันวิจัยแห่งออสเตรเลียมีจำนวนของนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ปี 2014 เช่นเดียวกับจำนวนของนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมากในบ้านเกิดของเขาที่เพิ่มขึ้นด้วย
  • จีนยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ ของบัญชีรายชื่อและสามารถไล่ทันเยอรมนีขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สามจากบัญชีรายชื่อประเทศ 10 อันดับแรก
  • สถาบันวิจัยของรัฐบาลมีสถาบันที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นด้านการวิจัยอย่างเช่น สถาบันสุขภาพแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่รับผิดชอบด้านการวิจัยทางชีวการแพทย์และงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งอยู่ในอันดับสองของบัญชีรายชื่อนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งจีนและสมาคมแม๊กซ์แพล้งค์ก็ยังเป็นสถาบันวิจัยที่โดดเด่นใน 10 อันดับแรกเช่นกัน
  • มหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันให้เกิดผลงานวิจัยและเพื่อให้มีนักวิจัยที่มีการอ้างอิงถึงอย่างมาก (HCR) ภายในประเทศเพิ่มขึ้น จำนวนของนักวิจัยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักวิจัยที่มีการอ้างอิงถึงอย่างมาก (HCR) นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่านับจาก 0 คนในปี 2014 เป็น 11 คนในปี 2018 ซึ่งเป็นนักวิจัยที่มีผลงานวิจัยหนึ่งสาขาหรือมากกว่าหนึ่งสาขาจาก 21 สาขาที่มี
  • นักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยในระดับสูงมากมาจากประเทศต่างๆ กว่า 60 ประเทศ แต่มากกว่า 80% ของนักวิจัยเหล่านี้มาจาก 10 ประเทศที่มีรายชื่ออยู่ในตารางด้านล่าง และ 70% มาจากประเทศ 5 อันดับแรก – ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหนาแน่นของบุคคลากรที่มากความสามารถที่มารวมอยู่ในที่เดียวกัน

 

 

ประเทศ 10 อันดับแรกที่มีรายชื่อนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก (HCR)
ประเทศพร้อมกับจำนวนของนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก (HCR) สถาบันที่นักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก (HCR) สังกัด
สหรัฐอเมริกา (2639) 1 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, สหรัฐอเมริกา  (186)
สหราชอาณาจักร (546) 2 สถาบันสุขภาพแห่งชาติ –  (NIH),  สหรัฐอเมริกา (148)
จีนแผ่นดินใหญ่ (482) 3 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, สหรัฐอเมริกา (100)
เยอรมนี (356) 4 สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งจีน, จีน  (99)
ออสเตรเลีย (245) 5 สมาคมแม๊กซ์แพล้งค์, เยอรมนี (76)
เนเธอร์แลนด์ (189) 6 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ (64)
แคนาดา (166) 7 มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (59)
ฝรั่งเศส (157) 8 มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์, สหราชอาณาจักร  (53)
สวิสเซอร์แลนด์ (133) 9 มหาวิทยาลัยวอชิงตันในเซนต์หลุยส์, สหรัฐอเมริกา (51)
สเปน (115) 10 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลีส – (UCLA), สหรัฐอเมริกา  (47)

 

แอนเน็ต โธมัส (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์และวิชาการ) อธิบายว่า “ความก้าวหน้าของความพยายามด้านวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นผ่านกิจกรรมที่สำคัญของสถาบันวิจัยแต่ละแห่งและในทั่วทุกประเทศ  รายชื่อนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก (HCR) ประจำปี 2018 จะช่วยในการระบุตัวผู้วิจัยที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อชุมชนงานวิจัยโดยการจัดอันดับตามงานวิจัยของพวกเขาที่คนอื่นได้อ้างอิงถึง และมีส่วนช่วยอย่างมากในการขยายขอบเขตงานและเพิ่มพูนความรู้และนวัตกรรมเพื่อสังคม – การมีส่วนช่วยเหลือเพื่อให้ผู้คนบนโลกมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยขึ้น มั่งคั่งขึ้น และยั่งยืน

 

วิธีการที่ใช้เพื่อตัดสินว่าใครที่เป็นนักวิจัยที่มีผลกระทบอย่างสูงเป็นการดึงข้อมูลและทำการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านบรรณมิติ (Bibliometric) จากสถาบันสารสนเทศวิทยาศาสตร์ที่ Clarivate Analytics โดยใช้ Essential Science Indicator ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เป็นมาตรวัดผลงานทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลแนวโน้มที่อ้างอิงจากจำนวนการตีพิมพ์เอกสารทางวิชาการและข้อมูลการอ้างอิงผลงานวิจัยจาก Web of Science ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานผ่านเว็บไซต์ระดับพรีเมี่ยมของบทความวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์และเชิงวิชาการที่มีจำนวนมากกว่า 33,000 เรื่อง  สามารถอ่านวิธีการของเราได้จากที่นี่

 

รายชื่อนักวิจัยที่ถูกอ้างอิงผลงานวิจัยอย่างมาก (HCR) ปี 2018 และบทสรุปผู้บริหารสามารถดูได้จาก https://clarivate.com/hcr/

สามารถติดตามเราได้ที่ Twitter @WebofScience, LinkedIn.com/company/clarivate-analytics และ Facebook.com/Clarivate.  #HighlyCited2018

 

เกี่ยวกับ Web of Science

Web of Science เป็นฐานข้อมูลดัชนีการอ้างอิงผลงานวิจัยของนักวิจัยที่มีการตีพิมพ์ที่เชื่อถือได้และมีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลทั่วโลกและการวิเคราะห์การอ้างอิงผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์  โดยมีการอ้างอิงผลงานวิจัยมากกว่า 1.4 พันล้านครั้งนับตั้งแต่ปี 1900 และมีผู้ใช้หลายล้านคนต่อวัน (ตั้งแต่หน่วยงานราชการและสถาบันวิชาการที่สำคัญ ไปจนถึงบริษัทที่มุ่งเน้นด้านการวิจัย) โดยเครือข่ายการอ้างอิงผลงานวิจัยใช้เป็นพื้นฐานสำหรับ Journal Impact Factor, InCites และมาตรวัดผลกระทบงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถืออื่นๆ นอกจากนี้ Web of Science ยังช่วยให้นักวิจัย สถาบันวิจัย ผู้ตีพิมพ์ และผู้ให้ทุนวิจัยสามารถค้นหาและประเมินผลกระทบของการอ้างอิงผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์มากกว่าศตวรรษซึ่งพบได้ในหนังสือที่มีชื่อเสียง เอกสารการประชุม และวารสารบทความวิจัยส่วนใหญ่

 

 

 

เกี่ยวกับ Clarivate Analytics

Clarivate™ Analytics เป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือได้ เพื่อเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม  การสร้างผลงานที่สำคัญนี้ต้องย้อนกลับไปราว 150 ปี ซึ่งเราได้สร้างบางแบรนด์ที่เชื่อถือได้มาตลอดช่วงวัฏจักรชีวิตการสร้างสรรค์นวัตกรรม ได้แก่ Web of Science, Cortellis, Derwent, CompuMark, MarkMonitor และ Techstreet  ปัจจุบันนี้  Clarivate Analytics เป็นบริษัทใหม่และมีแนวทางในการทำงานเพื่อสร้างผู้ประกอบการที่มุ่งมั่น โดยช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถลดเวลาได้มากนับจากการริเริ่มแนวคิดใหม่และต่อยอดพัฒนาจนเกิดเป็นการสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกได้  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูได้จากเว็บไซต์ clarivate.com