เชียงใหม่หน้าฝน ชิลไปตามสภาพอากาศ2วัน2คืน(วันที่2)

มาต่อวันที่ 2 ตามที่นัดไว้กับเพื่อนเป็นเวลา 8:00 น. แต่ก็เลทกันนิดหน่อย
ร้านโจ๊กต้นพยอม
เริ่มต้นมื้อเช้ากันที่ร้านโจ๊กต้นพยอม ซึ่งหมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแต่คิวยาวมาก วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ จริงๆก็เยอะ แต่ยังพอมีโต๊ะว่าง
ร้านโจ๊กต้นพยอม ตั้งอยู่บนถนนสุเทพ ทางขึ้นดอยสุเทพ ร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ สังเกตง่ายๆจะมีต้นพยอมอยู่หน้าร้าน

ร้านโจ๊กต้นพยอม
ร้านโจ๊กต้นพยอม

อาหารราคาไม่แพงค่ะมื้อนี้ประมาณ 160 บาทค่ะ มีโจ๊ก 3 ถ้วย และปาท่องโก๋ชุดนี้ ร้านนี้ไม่ได้มีแค่โจ๊กนะคะ ยังมีเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟสด ด้วยค่ะ

วัดผาลาด
หลังจากทานมื้อเช้ากันเรียบร้อย อิ่มท้องเบาๆ ก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ดอยสุเทพ ระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ จะมี “วัดผาลาด” หลายคนอาจไม่ได้สนใจกับวัดเล็กๆแห่งนี้ ที่ข้างทางดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เราก็ไปเจอว่าข้างในมีน้ำตกไหลผ่านด้วย

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาด
วิหารพระพุทธเจ้า 5

มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา สร้างได้ลงตัวกลมกลืนกับธรรมชาติมากๆ

วัดสกิทาคาหรือวัดผาลาดถ้าอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ หน้าฝนน่าเที่ยว “วัดผาลาด” ลงตัวท่ามกลางธรรมชาติ (ถ้าไม่เขียนแยกรีวิวจะยาวเกินไป)

ดอยปุย

หลังจากเดินเที่ยวชมไหว้พระเรียบร้อยแล้ว ก็ไปต่อที่ดอยปุย ทางขึ้นดอยปุยจะค่อนข้างแคบหน่อยหากใครไม่มั่นใจจะขับเองก็สามารถจอดรถไว้แถวพระตำหนักภูภิงคฯ แล้วเหมารถแดงขึ้นไปก็ได้ค่ะ แต่จริงๆทางก็ไม่ได้น่ากลัวมากขนาดนั้นนะคะ ยังขับเองได้ ส่วนเรากับเพื่อนก็ขับไปกันเอง(หญิงแกร่ง)

ดอยปุยหน้าฝน
รถแดงพาเที่ยวดอยปุย

ที่ดอยปุยจะมีหมู่บ้านม้ง ระหว่างทางขึ้นไปดอยจะมีร้านค้าขายของงานฝีมือของชาวม้ง ตลอดทาง

หมู่บ้านม้งดอยปุย
หมู่บ้านม้งดอยปุย

จะต้องมีค่าขึ้นดอยด้วยคนละ 10 บาท บนดอยก็จะมีดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดดอยปุย

ร้านกาแฟดอยปุย
ด้านบนมีร้านกาแฟดอยปุย ซึ่งวิวสวยมากถ้ามองจากร้าน ราคากาแฟอยู่ที่แก้วละ 60 บาท ซึ่งเทียบกับวิวและบรรยากาศแบบนี้ ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ

ร้านกาแฟม้งดอยปุย
ร้านกาแฟม้งดอยปุย

นั่งจิบกาแฟไป ชมวิวไป สักพักก็มีหมู่ก้อนเมฆที่เคลื่อนมาบดบังภูเขาอีกลูกนึง ทำให้ได้เห็นภาพที่สวยงามมาก แต่ภาพที่เห็นนี้อีกไม่นาน ฝนก็ตก เราก็เลยรีบลงจากดอยเพราะเกรงว่าจะติดฝนอีกนาน กลัวจะเป็นอันตรายตอนเดินทาง

ดอยปุย
ดอยปุย

ดูรีวิวและภาพจากดอยปุยเพิ่มเติมได้ที่ หน้าฝนน่าเที่ยว “ดอยปุย-บ้านม้งดอยปุย”

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
กลับมาจากดอยปุยเราก็แวะพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่นี่จัดแสดงสวนดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดมาก บนเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ ไปถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แปบนึงฝนก็ตกปรอยๆ ตกๆหยุดๆค่ะ แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้ตกหนักเป็นแค่ละอองฝน แต่ถ้าใครจะพกผ้ากันฝนหรือร่มไปก็ดีค่ะDSCF1316

สำหรับภาพจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ทั้งหมดสามารถดูได้ที่  หน้าฝนน่าเที่ยว “ชมดอกไม้งามที่พระตําหนักภูพิงค์” 

หลังจากเดิมชมดอกไม้ ถ่ายภาพกันจุใจแล้วก็กลับ จริงๆจุดหมายต่อไปคือวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร แต่เนื่องด้วยน้ำมันรถที่ใกล้หมด เพราะลืมเช็คก่อนออกเดินทาง ประกอบกับหิวข้าวกันแล้ว เราเลยเปลี่ยนแผนกลับเข้าไปในตัวเมือง บริเวณที่จอดรถนอกพระตำหนักมีร้านขายอาหารของกินอยู่หลายร้าน ก็รองท้องเบาๆกันไป เพราะจุดหมายหลักของมื้อนี้ที่เพื่อนไกด์แนะนำคือ ส้มตำหลวงพระบาง

ส้มตำหลวงพระบาง
ที่นี่มีอาหารลาว แบบสไตล์หลวงพระบางแท้ๆ โดยเมนูเด็ด 2 ศรีพี่น้องที่พลาดไม่ได้คือ ส้มตำหลวงพระบางและส้มตำเวียงจันทร์ 

ส้มตำหลวงพระบาง ส้มตำเวียงจันทร์
ส้มตำหลวงพระบาง(ซ้าย)  ส้มตำเวียงจันทร์(ขวา)

ซึ่งจากการลงคะแนนเสียงของทั้ง 3 สาว โหวตเป็นเสียงเดียวกันว่า ส้มตำหลวงพระบาง(ซ้าย) ชนะเลิศค่ะ
ส้มตำหลวงพระบาง ใส่น้ำปูเข้มข้น ไม่มีปลาร้า รสชาดไม่เผ็ด ตัวเส้นส้มตำจะบางและแผ่นใหญ่ ส่วนส้มตำเวียงจันทร์(ขวา) เส้นจะเล็ก คล้ายๆแบบที่เห็นทั่วไปรสชาดคล้ายส้มตำปูปลาร้า เผ็ดนิดหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆให้อีกมากมาย อาทิ ไคแผ่น, ต้มแซ่บ ฯลฯ

ส้มตำหลวงพระบาง
เมนูอาหารร้านส้มตำหลวงพระบาง

ซึ่งทั้งหมดนี้คิดค่าเสียหายแล้วอยู่ที่ประมาณ 400++ บาท อิ่มกันถ้วนหน้า

อิ่มหนำสำราญกันด้วยเวลาประมาณ 14:00 น. ก็กลับที่พัก นั่งพักชาร์ตแบตกันสักพัก ก็ออกไปเที่ยวต่อ โดยทริปจากนี้ไปก็คือไหว้พระในตัวเมืองเชียงใหม่

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
เชียงใหม่มีวัดเยอะมาก  ด้วยเวลาที่ยังเหลืออีกเยอะ ตอนเย็นเราจะไปเดินถนนคนเดินที่ใหญ่กว่าเมื่อวาน เรียกว่าถนนคนท่าแพ เพื่อนไกด์เลยแนะนำให้จอดรถไว้ในซอยแถวๆถนนคนเดิน ซึ่งวัดที่เราจะไปก็อยู่บนถนนคนเดินด้วย ดังนั้นเราก็จะได้เดินถนนนคนเดิน พร้อมกับแวะไหว้พระไปด้วย ขณะนี้เวลาประมาณ 16:00 น. ร้านหลายๆร้านบนถนนคนเดิน ตั้งร้านยังไม่เสร็จ เราจึงแวะเข้าวัดกันก่อน โดยเริ่มต้นกันที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พระอารามหลวงเก่าแก่ของเชียงใหม่ เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง

พระวิหาร พระอุโบสถ พระวิหารหลวง หรือพระวิหารกลาง งดงามตระการตามากกับศิลปะแบบล้านนา

วัดเจดีย์หลวง
วัดเจดีย์หลวง

เดินไปด้านหลังพระอุโบสถ จะมีพระธาตุเจดีย์หลวง พระธาตุเก่าแก่ สมัยพระเจ้าแสน เป็นพระธาตุที่มีความสูงใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล้านนา อายุกว่า 600 ปี

พระธาตุเจดีย์หลวง
พระธาตุเจดีย์หลวง
พระมหาสังกัจจายน์
พระมหาสังกัจจายน์

ที่นี่มีสถาปัตยกรรมหลายอย่างที่เก่าแก่ให้เราได้ชม ไม่ว่าจะเป็น พระนอน หรือ พระพุทธไสยาสน์, พระมหาสังกัจจายน์, ต้นยางใหญ่ 3 ต้น อายุกว่า 200 ปี, หอธรรม (หอพระไตรปิฏก), กุฏิแก้วนวรัฐ กุฏิหลังแรกของวัด สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง, เสาอินทขีล เชื่อกันว่าเป็นหลักเมืองเชียงใหม่ ฯลฯ

วัดพันเตา
ออกจากวัดเจดีย์หลวงก็เดินมาไม่กี่ก้าว ข้างๆก็มีอีกวัดหนึ่งคือ วัดพันเตา เดิมเป็นพื้นที่ในเขตวัดเจดีย์หลวง สร้างจากไม้สักทั้งหลัง ที่มีสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดของเชียงใหม่ เพื่อนไกด์เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนบริเวณนี้เป็นที่ตั้งเตาหลอม ในการหล่อพระอัฏฐารสในวิหารวัดเจดีย์หลวง

วัดพันเตา
วัดพันเตา

ฝนเริ่มลงเม็ดมาแล้ว เพื่อนไกด์บอกว่า ถ้าฝนไม่ตก ตอนกลางคืนวัดพันเตาจะจุดเทียนตามทาง สวยงามมากวัดพันเตา

วัดพันเตา
วัดพันเตา

อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
ฝนปรอยๆไม่หนักมาก สักพักก็หยุด เราก็เดินออกจากวัด ผ่านถนนคนเดิน แวะดูร้านนั้นร้านนี้ เพื่อเดินต่อไปยัง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ซึ่งไม่ไกลจากกันมากนัก
พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรือ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ผู้สร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ คือ พญามังราย, พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง เป็นที่นิยมในการมาสักการะบูชากัน

อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์

ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จะเป็นศาลแขวงเชียงใหม่เก่า

ศาลแขวงเชียงใหม่เก่า
ศาลแขวงเชียงใหม่เก่า

จะเห็นว่าพื้นถนนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เพราะฝนตกๆหยุดทั้งวันค่ะ และตอนนี้ฝนก็ลงเม็ดอีกแล้ว เดินมาถึงตรงนี้ก็สุดทางถนนคนเดินแล้ว เราก็เดินกลับทางเดิม เพื่อเดินถนนคนเดินด้วย แต่ระหว่างทางฝนตกหนัก ซึ่งถ้าเดินฝ่าต้องเปียกแน่ๆ ระหว่างถนนคนเดิน ก็อย่างที่บอกว่ามีวัดอยู่ติดๆกันเยอะแยะไปหมด เราก็เลยแวะที่วัดอินทขีลสะดือเมือง

วัดอินทขีลสะดือเมือง

วันอินทขีลสะดือเมือง
วันอินทขีลสะดือเมือง

ด้านข้างจะเห็นร่มและเต้นท์ที่กางอยู่มากมาย ซึ่งก็คือตลาดถนนคนเดินนั่นเอง

วันอินทขีลสะดือเมือง
หลวงพ่อขาว วันอินทขีลสะดือเมือง

ภายในวัดอินทขีล มีพระพุทธรูปสำคัญอยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาเป็นเวลานาน ซึ่งก็คือ หลวงพ่อขาว อายุกว่า 700 ปี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบล้านนา มีพระพักตร์อิ่มเอิบ ตั้งอยู่ภายในวิหารทรงล้านนาที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง

อยู่ในอุโบสถกันสักพัก ฝนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย เราก็เลยตัดสินใจส่งตัวแทนวิ่งไปซื้อเสื้อกันฝนมา แล้วก็เดินกลับกันไปที่รถ เพื่อไปหาอะไรกินกัน ด้วยเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ตัดสินใจกันยังไม่ได้ว่าจะกินไร ขับรถไปกับสายฝนที่ตกปรอยๆตลอดทาง สุดท้ายเพื่อนเสนอร้านแถวกาดมอ ซึ่งก็คือตลาดหลังมอนั่นเอง (คนเชียงใหม่เรียก ตลาด ว่า กาด) ด้วยเวลาประมาณ 2 ทุ่ม

ร้านท่าช้าง
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เพื่อนไกด์ได้พูดถึง เมนูใหม่สูตรหมาใจดำ แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว ไม่รอช้า ขณะนี้เวลา 3 ทุ่ม บึ่งรถไปที่ร้านท่าช้าง ที่ถนนแถวเจเจมาร์เก็ต เพื่อนไกด์บอกว่า ร้านท่าช้าง เป็นสถานที่เที่ยวกลางคืนยอดฮิตของวัยรุ่นเชียงใหม่ มีเครื่องดื่มรสชาดดีๆ ชื่อแปลกๆให้ได้ลองกัน ไหนก็มาแล้วเนอะ สัมผัสให้ครบทุกบรรยากาศ ทุกไลฟ์สไตล์ จะได้คุ้มกับการมาเที่ยว

ร้านท่าช้าง
ร้านท่าช้าง

บรรยากาศในร้านตกแต่งเก๋ๆแนวๆ ออกแนวย้อนยุคสไตล์วินเทจหน่อยๆ ประดับด้วยโคมไฟที่เป็นชื่อปั๊มน้ำมัน ใช้ถังน้ำมันมาเป็นโต๊ะ ทาสีเข้มจัดสะดุดตา ลูกค้ามีตั้งแต่เด็กวัยรุ่น ไปจนถึงคนวัยทำงาน

สำหรับรีวิวนี้ประสบการณ์ที่เชียงใหม่ 2 วัน 2 คืน เราไม่สามารถไปได้ครบทุกที่ เชียงใหม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าหากมีโอกาสเราจะกลับไปเยี่ยมเชียงใหม่อีกแน่นอนค่ะ

เชียงใหม่ทำให้เราได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นล้านนา วัฒนธรรมที่แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัย แต่เมืองนี้ก็ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวของคนรุ่นเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี  แม้ว่าจะมีวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่เข้ามา แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันกับวัฒนธรรมเก่าและผสานกันได้อย่างลงตัว

ที่สำคัญคือมิตรภาพ ที่ได้รับจากเพื่อนไกด์ ขอบคุณที่เสียสละเวลาพาเราเที่ยว ไม่บ่นซักคำ 🙂

สามารถดูรีวิววันที่ 1 ได้ที่ เชียงใหม่หน้าฝน ชิลไปตามสภาพอากาศ(วันที่1)

สำหรับแผนที่หากมีเวลาจะมีอัพเดทเพิ่มเติมค่ะ หรือใครอยากได้เป็นพิเศษ สามารถคอมเม้นถามได้เลยค่ะ

sunday.morning