เที่ยวเกาหลีกับ 3 มุมลับวิวดี 4 ร้านอร่อย ตามแนวรถไฟฟ้า พร้อมเทคนิคผ่าน ตม.ฉลุย!

เอาใจสายติ่ง หรือสายซีรีส์ กับที่เที่ยวยอดฮิต ‘เกาหลีใต้’ ประเทศแนวหน้าของเอเชีย ที่อยู่ไม่ไกลจากไทย เที่ยวง่าย ค่าเงินไม่แพง จนเป็นจุดหมายปลายทางในใจใครหลายๆคน วันนี้เราจะแนะนำที่กินที่เที่ยวแบบชิลล์ๆ พร้อมเทคนิคจองสายการบิน+ที่พัก ที่บอกเลยว่ามือใหม่หัดเที่ยวก็ทำได้!

Let’s Go Korea!

เตรียมความพร้อมทริปเกาหลีของเราด้วยการจองตั๋วเครื่องบิน ที่เรามีตัวช่วยดีๆมาบอก นั่นคือ Traveloka เว็บไซต์และแอปจองตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาถูก ที่มีมากกว่า 1 เส้นทาง และ 1 แสนโรงแรมทั่วโลก ที่บอกเลยว่ายิ่งโหลดแอปลงเครื่อง ยิ่งสะดวกสุดๆ ยกให้เป็นสุดยอดตัวช่วยเดินทางแห่งยุคเลย

เปรียบเทียบราคาสายการบินได้ตามใจ มีทั้งแบบ direct flight  และ transit จะ full service หรือ low cost ก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญคือราคาที่โชว์ เป็นราคาสุทธิแล้ว ไม่มีชาร์จเพิ่มให้จุกจิกกวนใจ

เราเลือกบิน Jeju Air สายการบินโลว์คอสต์เกาหลีสีส้ม ส่วนใหญ่คนเกาหลีบินเกือบยกลำ ตั๋วตอนโปรคนละ 9 พันกว่า บาท ได้น้ำหนักกระเป๋า 15 กิโลกรัม

ข้อดีคือขึ้นที่สุวรรณภูมิ (เราชอบที่นี่มากกว่าดอนเมือง เพราะเดินทางไปกลับสะดวกด้วยแอร์พอร์ตลิ้งก์) เวลาบินดี บินดึกถึงเช้า วันกลับก็เที่ยวได้เต็มวัน เครื่องลำใหญ่ ขึ้นลงสมูท ที่นั่งไม่แคบขาไม่ติดเบาะ สจ๊วตโอปป้ากล้ามใหญ่ แต่…โลว์คอสต์ก็คือโลว์คอสต์เนอะ ได้กินแค่น้ำฟรี = =”

เที่ยวเกาหลี…พักไหนดี

ที่พักในเกาหลียอดฮิตของคนไทยต้องยกให้ K-Guesthouse Myeongdong 3 เดินทางสะดวกมากติดใต้ดินเมียงดงทางออก 8 , จุดรอรถบัสสนามบิน และแหล่งช็อปปิ้ง แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงเมียงดงแล้ว ข้างล่างเป็นคาเฟ่นั่งรอฆ่าเวลา

แม้ว่าขนาดห้องจะเล็กไปหน่อย แต่ก็มีของครบครัน ทั้ง ตู้เย็น ทีวี ไดร์ ปลั๊ก ห้องสะอาด แอร์ฉ่ำ WiFi แรง สต๊าฟใจดี ค่าห้องคืนละพันกว่าบาท

มีอาหารเช้าที่ห้องใต้ดิน อาหารเช้าทำเอง มีไข่ ซีเรียล ขนมปัง กินเสร็จก็ล้างเองด้วย มีที่กดน้ำร้อนให้ต้มมาม่าได้ในแต่ละชั้น ใครกระเป๋าใหญ่ต้องกางบนเตียง ผ้าเช็ดตัวมีแต่ผืนเล็ก ต้องแต่งตัวในห้องน้ำซึ่งแคบไปหน่อย แต่ชอบยาสระผม+ครีมนวดมาก ใช้แล้วผมเด้ง จัดทรงง่าย ไปเที่ยวทั้งวันผมก็ไม่มัน อยากได้กลับบ้านเลย

พิกัด: K-Guesthouse Myeongdong 3 รถไฟใต้ดินสถานี Myeongdong ทางออก 8 (ตรงข้าม Daiso) เดินต่อประมาณ 500 เมตร เจอสี่แยกตรงร้าน Nature Republic แล้วเลี้ยวเข้าไปทางขวามือ โรงแรมอยู่ด้านหลังจ้า

แน่นอนว่าตัวช่วยในการเลือกที่พักของเราในทริปนี้คือ Traveloka อีกเช่นเคย เพราะติดใจในความสะดวกมากกก นอกจากนี้ยังมีโค้ดส่วนลดมาแจกกันไม่ยั้ง ส่วนใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็หายห่วง เพราะ Traveloka มีช่องทางการชำระเงินอย่างหลากหลาย จ่ายสะดวก ทั้งร้านสะดวกซื้อ เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือจะไปจ่ายสดเมื่อถึงที่พักเลยก็ทำได้ หากอยากเปลี่ยนวันเข้าพักหรือยกเลิกก็ทำได้ฟรี!

มีรีวิวจากผู้ใช้จริงเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจอีกด้วย 

เห็นข้อดีขนาดนี้แล้ว บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดกดไลค์เพจ Traveloka  เพื่อติดตามกิจกรรมดีๆและโค้ดส่วนลดที่เอามาแจกกันแบบไม่มีกั๊ก

3 มุมลับวิวดีในเกาหลี

อุโมงค์ร้าง วิวสวยระดับ 10

ไปถ่ายรูปที่สถานีรถไฟร้างพยอกเจ (Byeokje Station) วิวสวยระดับ 10 คู่รักมากันเยอะมาก (คนโสดได้แต่มองบน) เวลาถ่ายต้องต่อแถว ก็จะรู้สึกกดดันหน่อยๆเพราะมีคนรออยู่ วิวดีลงตัวทุกอย่าง มีทางรถไฟ อุโมงค์ เถาไอวี่ แสงสวย มีภูเขาบุคฮันเป็นฉากหลัง อยู่ไกลเมืองหน่อยแต่คุ้ม แฟนๆ GOT7 คงคุ้นตากันดีเพราะเป็นฉากใน MV เพลง Nobody Knows ของยองแจนั่นเอง

พิกัด: ใต้ดินสาย 3 สถานี Samsong แล้วต่อรถเมล์สาย 053 หรือ 033 ประมาณ 9 ป้าย เจอที่กั้นรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตามรางรถไฟ ข้างทางจะมีหญ้าขึ้นรก ถ้ามาตอนเย็นๆโพล้เพล้ก็จะดูวังเวงหน่อย

เดินไปฝั่งตรงข้ามจะเจอป้ายสถานี Byeokje ที่ถูกทิ้งร้างกลายเป็นอดีต มีรางรถไฟ ต้นไม้ข้างทาง ไม้กั้นรถไฟ และนาฬิกาตาย มาตอนเย็นๆจะได้อารมณ์เหงาๆเหมือนฉากในซีรีส์

เที่ยวคุกเกาหลีใจกลางกรุงโซล

ได้อารมณ์เหมือนฉากในซีรีส์แนวสืบสวน กับการชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison History Museum) หรือเรียกสั้นๆว่า คุกเกาหลี นั่นเอง ที่นี่คือคุกจริงที่ทางการญี่ปุ่นใช้ขังและทรมานนักโทษเกาหลีสมัยสงครามโลกครั้งที่1 ตั้งอยู่ในสวนอิสรภาพซอแดมุน (Seodaemun Independence Park) ถูกสร้างขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุดราชวงศ์โชซอน

พิกัด: รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Dongnimmun สายสีส้มทางออก 5 แล้วเดินตรงขึ้นเนินมาอีกประมาณ 5 นาที  ก็เจอเลย อยู่ไม่ไกลจากอินซาดง ถนนช็อปปิ้งอีกสายที่สำคัญของเกาหลี

ค่าเข้าชมคนละ 3,000₩ เมื่อได้เข้าไปพ้นกำแพงสูง จะเห็นบรรยากาศภายในกว้างขวางมาก มีต้นไม้ปลูกเป็นแนว ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งสวย บวกกับตึกสีอิฐหลายหลังตั้งกระจายกันภายในรั้ว ให้ความรู้สึกสวยงาม และเงียบสงบวังเวง ไปในเวลาเดียวกัน

เยือนถิ่นสตรี ม.อีฮวา 

แวะไปแชะภาพที่ มหาวิทยาลัยอีฮวา (Ewha Womans University) มหาลัยหญิงล้วนใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่งสังเกตว่าเลือกใช้คำว่า Womans แทน Women นอกจากมุมบันไดมหาชนแล้ว ข้างในก็สวยมากกก ต้นไม้เยอะ ตึกสวยคลาสสิคเหมือนในยุโรป มีปรัชญาประจำมหาวิทยาลัยคือ Truth, Goodness and Beauty ชอบที่บอกตรงๆว่าที่นี่คือสวยทั้งมอและคนเรียนเลย

พิกัด: รถไฟใต้ดินสายสีเขียว สถานี Ewha University ทางออกที่ 2 หรือ 3

4 ร้านอร่อยในเกาหลี

เผ็ดๆลื่นๆกับจิมดัก

ประเดิมอาหารเกาหลีกันด้วย จิมดัก หรือไก่ผัดซอสดำวุ้นเส้นเกาหลี จากร้านดัง Andong Jjimdak ให้ชิ้นส่วนไก่มาเต็มแทบจะทุกส่วน หรือใครอยากแบบซีฟู้ดก็มีให้ชิม วุ้นเส้นลื่นมากแต่เหนียวนุ่มสุดๆ ตะเกียบเหล็กก็คีบยากไปอีก อยากกินของอร่อยก็ต้องพยายามหน่อยเนอะ รสชาติจัดจ้านเผ็ดกำลังดี จานใหญ่มากสั่งแบบ half ราคา 21,000₩ กินกัน 2 คนยังแทบไม่หมด

พิกัด: ร้าน Andong Jjimdak ย่านเมียงดง รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Myeongdong ทางออก 8 เดินเข้าซอยมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที  ร้านอยู่ขวามือ

มาม่าเกาหลี…ฮอตดัง Fireeee

มากินมาม่าเกาหลีถึงถิ่น ตอนเอาหม้อมาตั้งจะมีวุ้นเส้นผักหมูไส้กรอกน้ำซุป แล้วจะมีห่อมาม่าให้เราใส่เอง พอเส้นหมดก็เอาข้าวมาคลุกต่อ มีขวดสาหร่ายตั้งที่โต๊ะใส่ได้ไม่ยั้ง เตาเดือดแรงเว่อ อร่อยคล่องคอ ถ้าอยากจะเอาข้าวไปคลุกต่อก็ไม่ว่ากัน คิดราคาเป็นคนๆละ8,000₩

ในเซ็ตจะมีข้าว+กิมจิสีไม่แดงให้ด้วย แต่เห็นสีจืดๆแบบนี้แต่รสชาติเปรี้ยวมากกก
หน้าตาตอนเอามาตั้งตอนแรก นึกว่าต้มจืด พอคนเครื่องปรุงเท่านั้นแหละ ไฟลุก

พิกัด: ร้าน WANBEAK ชั้นใต้ดินห้างที่มีรูปกระต่าย ย่านอินซาดง รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Anguk Station ทางออก 6

ไก่ทอดอาจุมม่า

มากินไก่ทอดร้านอาจุมม่าแบบในซีรีส์ ร้านไม่หรูแต่เด็ด! เห็นป้ายว่าเคยออกช่อง KBS2 ด้วย สั่งไก่ทอดแบบธรรมดาและสไปซี่อย่างละครึ่ง ราคา 11,000₩ ป้าให้เยอะมากต้องห่อกลับบ้าน แบบว่าไก่มาทั้งตัว ปีกน่องอกคอ ทอดแบบไม่อมน้ำมันเลย แบบธรรมดาอร่อยมาก หนังกรอบ แต่สไปซี่ซอสหวานไปหน่อย

ไข่เจียวป้าก็ดีมาก มีชีสด้วยจานละ 7,000₩ ทางร้านมีเมนู ไก่ทอด บะหมี่ พิซซ่าเกาหลี ไก่ตุ๋นโสม ราคาไม่แพง ป้าใจดีพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย

พิกัด: รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Dongdaemun ทางออก 7 เดินมานิดเดียวเจอป้ายร้าน แล้วขึ้นไปชั้น 2 จ้า

แซ่บไฟลุกกับปลาหมึกผัดเผ็ด

ปลาหมึกผัดเผ็ด ร้านดังย่านฮงแด Hong’s Jjukkumi 홍스쭈꾸미(ฮงซึจูกุมิ) สั่งแบบหมึก+หมูสามชั้น คนละหมื่นกว่าวอน สีร้อนแรงมาก แต่เราว่าไม่ค่อยเผ็ดนะ ห่อกินกับเครื่องเคียงพวกใบชา ถั่วงอก อย่าลืมสั่งไข่ตุ๋นมากินแก้เผ็ดด้วยนะ

ทีเด็ดตอนทำข้าวผัด ตอนเรากินใกล้จะหมด พนักงานจะมาผัดข้าวให้กับน้ำแกงที่เหลือแล้วใส่สาหร่าย+ไข่กุ้งไม่ยั้ง อร่อยยยหนึบหนับ ไปแล้วอยากไปซ้ำ

พิกัด: ร้าน Hong’s Jjukkumi สถานี Hongik University Station ทางออก 8 เดินไปเรื่อยๆผ่านวงเวียน หน้าร้านเป็นป้ายสีแดง คนรอคิวเพียบ

แถม…คาเฟ่สวยที่ innisfree

กินขนมที่ Innisfree Green Cafe ที่ตั้งอยู่ชั้น 2 ในช็อป Innisfree สาขาใหญ่ที่เมียงดง (ชั้นล่างขายเครื่องสำอางปกติ) จริงๆอยากกินแพนเค้กเด้งดึ๋งที่คนรีวิว แต่ต้องรอ 50 นาที เลยเปลี่ยนมาสั่งบราวนี่ จัดจานสวยมาก แต่เนื้อขนมขมๆหน่อย ให้ 7/10 ราคาหลักพันวอน

คาเฟ่ที่นี่สวยมากกก คอนเซ็ปต์กรีนๆ มีต้นไม้เขียวสบายตา มีสเปซให้นั่งชิลหลายมุมเลย
(ช็อปเครื่องสำอาง innisfree จะมีสาขาเยอะมากในเมียงดง แทบจะเจอในทุกซอย บางจุดนี่เปิดตรงข้ามกันเลย แต่คาเฟ่จะมีที่สาขาใหญ่ที่เดียว พนักงานเฟรนด์ลี่พูดอังกฤษได้ ร้านดูหรูแต่ราคาขนมไม่ได้แพงอย่างที่คิด)

พิกัด: รถไฟใต้ดินสถานี Myeongdong ทางออก6

ทริคเที่ยวเกาหลี

-ถ้าไปเกาหลีแล้วเจอปัญหาลองไปที่ Myeongdong Tourist Information Center เป็นศูนย์ใหญ่ใจกลางเมียงดง มีเจ้าหน้าที่สแตนบายหลายภาษา อังกฤษ-จีน-ญี่ปุ่น ให้ความช่วยเหลือดีมาก เราเข้าไปถามเรื่อง T-Money เดินออกมาแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงวิ่งตามมาอธิบายต่อ น่ารักมาก

-แนะนำการเดินทางออกจากสนามบินอินชอน ถ้าใครกระเป๋าใหญ่ ลองนั่งรถบัสลิมูซีนของแอร์พอร์ต จ่ายแพงกว่ารถไฟใต้ดิน แต่สะดวกกว่ามากๆ เพราะถ้าไปใต้ดินชีวิตลำบาก บางสถานี บางทางออกไม่มีบันไดเลื่อน เรานั่งบัสจากแอร์พอร์ตไปเมียงดงสาย 6015 นั่งยาวววว ไม่แวะรับตามทาง มีคนยกกระเป๋าให้ สะดวกมาก ค่าโดยสารคนละ 14,000 ₩ มีเคาน์เตอร์สอบถามเส้นทางที่ทางออกสนามบินเลยจ้า

ทำยังไงให้ผ่าน ตม.เกาหลี

1.เตรียมเอกสารแสดงตนให้พร้อม ใครเคยเปลี่ยนชื่อ ก็ต้องเตรียมเอกสารมาด้วยนะ ส่วนเรื่องพาสปอร์ตหน้าขาว อันนี้ก็แล้วแต่ดวง เพราะเพื่อนเราบางคนขาวมาก แต่ ตม.ก็ปั๊มผ่านเลย ไม่ถามใดๆ

2.เอกสารแสดงอาชีพ เช่นใบรับรองการทำงาน บัตรพนักงาน นามบัตร ถ้าทำงานอิสระก็ต้องมีตัวอย่างงานติดๆมาด้วย

3.เงินสดแลกติดตัวไว้เลย (อย่าไปรวมกับเพื่อน เพราะบางทีเพื่อนผ่าน เราอาจไม่ผ่าน) แล้วก็บัตรเครดิต ให้รู้ว่าเรามีทุนทรัพย์พร้อมเปย์นะ ไม่ได้มาเล่นๆ

4.โปรแกรมทัวร์/ใบจองโรงแรม/เอกสารการนำเที่ยว/ตั๋วเครื่องบินขากลับ เอาให้ชัด ว่ายังไงเราก็ไม่โรบินฮู้ดแน่นอน

5.แต่งตัวเรียบร้อย ดูดี เหมาะกับการท่องเที่ยว ไม่เซ็กซี่ หวือหวา สร้างลุคให้ดูน่าเชื่อถือหน่อย

6.สื่อสารภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานได้

7.อันนี้เป็นอีกทริค เพื่อนเราไปกับแก๊งเพื่อน แล้วเพื่อนผ่าน นางดันติดอยู่คนเดียว เข้าห้องเย็น พอ จนท.ถามว่ามากับใคร ก็ เปิดรูปพาสปอร์ตเพื่อนๆที่ถ่ายเตรียมไว้ในมือถือ ยื่นให้ดู แล้วก็สะกดชื่อเพื่อนให้ถูก ตอบคำถามแบบมีสติ ไม่ลุกลี้ลุกลน ติดอยู่ 30 นาทีก็ผ่านเลยจ้า

สุดท้ายถ้าเราบริสุทธิ์ใจว่าไปเที่ยวชัวร์ๆ ยังไงก็ผ่าน เชื่อสิ!

เที่ยวคุกเกาหลีใจกลางกรุงโซล ‘พิพิธภัณฑ์เรือนจำซอแดมุน’ (Seodaemun Prison History Hall)

พามาเที่ยวเกาหลีในอีกมุมมอง ได้อารมณ์เหมือนฉากในซีรีส์แนวสืบสวน กับการชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison History Museum) หรือเรียกสั้นๆว่า ‘คุกเกาหลี’ นั่นเอง ที่นี่คือคุกจริงที่ทางการญี่ปุ่นใช้ขังและทรมานนักโทษเกาหลีสมัยสงครามโลกครั้งที่1

ตั้งอยู่ในสวนอิสรภาพซอแดมุน (Seodaemun Independence Park) ถูกสร้างขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุดราชวงศ์โชซอน การเดินทางง่ายมาก สถานี Dongnimmun สายสีส้มทางออก 5 แล้วเดินตรงขึ้นเนินมาอีก ประมาณ 5 นาที  ก็เจอเลย อยู่ไม่ไกลจากอินซาดง ถนนช็อปปิ้งอีกสายที่สำคัญของเกาหลี

ค่าเข้าชมคนละ 3,000₩ เมื่อได้เข้าไปพ้นกำแพงสูง จะเห็นบรรยากาศภายในกว้างขวางมาก มีต้นไม้ปลูกเป็นแนว ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งสวย บวกกับตึกสีอิฐหลายหลังตั้งกระจายกันภายในรั้ว ให้ความรู้สึกสวยงาม และเงียบสงบวังเวง ไปในเวลาเดียวกัน วันที่เราไปมีเด็กๆมาทัศนศึกษาด้วย

คุกแห่งนี้ถูกญี่ปุ่นใช้เป็นที่คุมขังและทรมานนักโทษเกาหลีหลายพันคน ที่พยายามปฏิวัติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อเนื่องเกือบ 80 ปี (1908-1987) ถ้าคนเกาหลีได้ไปเที่ยวคงมีอารมณ์เกลียดชังชาวญี่ปุ่นมากๆเลยทีเดียว

ผ่านเข้าห้องโถงใหญ่มีรูปคนติดเต็มผนังนับพันๆภาพ เมื่อดูใกล้ๆก็คือรูปของชาวเกาหลีที่เคยถูกคุมจงขังที่นี่ นอกจากผู้ชายแล้ว ยังมีเด็ก ผู้หญิง คนแก่ มีการเปิดคลิปเสียงของนักโทษ เป็นอะไรที่ขนลุกและสะเทือนใจสุด แล้วบรรยากาศวังเวงมาก เราทนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเดินออกไป เพราะเกิดความรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

เดินต่อไปเจอห้องประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ บรรยากาศห้องมืดๆทึมๆ ใครขวัญอ่อนจะรู้สึกกลัวเลยทีเดียว มีภาพของนักโทษที่ต้องจบชีวิตที่นี่ คือแค่ห้องมืดอย่างเดียวก็น่ากลัวแล้ว นี่ยังมีคลิปเสียงมาบิ้วให้น่ากลัว×10ไปอีก

มีการจำลองวิธีทรมานนักโทษ เช่นห้อยหัวราดน้ำร้อน ตอกเล็บ อุปกรณ์ทำร้ายและใช้คุมขัง โซ่ตรวน ฯลฯ

อีกหนึ่งการทรมานคือตู้ห้องขังเดี่ยวซึ่งแคบและมืดมาก แล้วก็เปิดคลิปเสียงนักโทษกรีดร้องตอนทรมาน มีการจำลองชีวิตนักโทษในห้องขัง ซึ่งดูเหมือนคนจริงๆเลย หันไปเจอนี่หัวใจจะวาย

ตัวอย่างของใช้ของนักโทษ เราเคยอ่านเจอชีวิตนักโทษที่นี่ลำบากมาก โดนทรมานสารพัด ต้องถูกใช้แรงงานทาส แล้วอากาศก็หนาวติดลบ ทรมานแสนสาหัส โดยเฉพาะนักโทษหญิง บางคนต้องคลอดลูกในคุก แล้วยิ่งช่วงนั้นมีโรคเรื้อนระบาด ยิ่งทำให้หดหู่ไปกันใหญ่

เดินต่อมาอีกอาคารจะเป็นห้องคุมขังนักโทษ ภายในบางห้องจะจัดนิทรรศการบรรยายเรื่องราวที่เกี่ยวกับนักโทษ

แหงนหน้ามองตรงเพดาน มีผู้คุมเข้าเวรคอยจ้องมองนักโทษอยู่ตลอดเวลา

เดินมาด้านนอกจะมีลานให้นักโทษออกกำลังกาย ซึ่งเป็นช่องแคบมากได้แค่คนเดินสวนกัน และกำแพงหลังมีประตูช่องเล็กๆเอาไว้ขนศพนักโทษที่เสียชีวิตนั่นเอง

ปิดท้ายบรรยากาศรอบๆทั้งสวยทั้งวังเวง มุมมหาชนคือธงชาติเกาหลีผืนยักษ์ ที่ใครมาถึงก็ต้องแวะแชะภาพเป็นที่ระลึก

และนี่เป็นอีกสถานที่เที่ยวเกาหลีอีกรูปแบบที่อยากให้ได้ลองไปสัมผัส เพราะจะได้เห็นอีกมุมของเกาหลีในมิติที่ไม่เคยรู้จัก ได้เห็นบาดแผลและคราบน้ำตาของประวัติศาสตร์ ที่จะให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และระลึกถึงความทรงจำนี้ตลอดไป