แคสเปอร์สกี้ แลป ชวนคนไทยประกวด Goondus Awards กระตุ้นความปลอดภัยในโลกอินเทอร์เน็ต

แคสเปอร์สกี้ แลป เปิดตัวแคมเปญชื่อ “กูนดูส์ อวอร์ดส์” (Goondus Awards) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อให้ความรู้และกระจายความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ต โดย “กูนดูส์ อวอร์ดส์” เปิดเชิญชวนให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตส่งเรื่องราวข้อผิดพลาดและการประพฤติตัวแบบผิดๆ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ตนเองเสียชื่อเสียงหรือทรัพย์สินเงินทอง โดยจะไม่เปิดเผยชื่อจริงเมื่อแบ่งปันประสบการณ์แก่สาธารณชน

 

ซิลเวีย อึง ผู้จัดการทั่วไป แคสเปอร์สกี้ แลป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราต้องการให้ความรู้แก่ผู้ใช้เรื่องพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และเพื่อแสดงให้เห็นตัวอย่างพฤติกรรมที่ผิดพลาดที่ทำให้เกิดความเสียหาย บางเรื่องอาจฟังแล้วตลกขบขัน ฟังแล้วไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง และในหลายๆ เคสก็สร้างความเสียหายได้มาก เราหวังว่าการแบ่งปันเรื่องราวโดยไม่ระบุชื่อจะช่วยกระตุ้นเตือนและสร้างแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ต”

“กูนดูส์ อวอร์ดส์” จะเผยแพร่เรื่องราวหลากหลายแง่มุมที่มีผู้ใช้พบเจอมาแล้ว เพื่อช่วยกระตุ้นความตระหนักรู้เรื่องไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ระหว่างเพื่อนสองคนที่ใช้บัตรเติมเงิน iTune ที่ตกเป็นเหยื่อกลโกงโจรขโมยตัวตนหลอกให้เพื่อนเติมเงินให้โดยที่เจ้าของบัตรตัวจริงไม่เคยขอให้ทำ ซึ่งเหตุการณ์นี้ จะช่วยทำให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ได้รู้ว่า โจรขโมยตัวตนไม่ใช่เรื่องไกลตัว และอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทองอีกด้วย

 

ผู้สนใจสามารถส่งเรื่องเข้าประกวดได้ที่เว็บไซต์ http://goondusawards.com เพียงกรอกข้อมูลชื่อ อีเมลแอดเดรส หมายเลขโทรศัพท์ ประเภทของเรื่อง ชื่อเรื่อง และรายละเอียดของเหตุการณ์

หลักเกณฑ์การส่งเรื่องเข้าประกวดคือ ต้องเป็นเหตุการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นจริงและทำให้เกิดความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็น 1) iPad 3 Mini 2) Samsung Tablet 3) Jays earphones พร้อมด้วยรางวัลพิเศษในแต่ละเดือนเป็นกระเช้าของพรีเมี่ยมจากแคสเปอร์สกี้ แลป

 

นอกจากการแบ่งปันเรื่องราวโดยไม่ระบุชื่อผู้ใช้แล้ว ในเว็บไซต์ยังมีข้อมูลเกร็ดความรู้เรื่องกลโกงประเภทต่างๆ เพื่อแนะนำผู้ใช้ว่าควรป้องกันตัวเองจากเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไรอีกด้วย

 

จากรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559 ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA พบว่า ผู้ใช้ทุกช่วงวัยประสบภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2558 ในส่วนของปัญหาที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ต พบว่าผู้ใช้พบปัญหาอีเมลสแปมหรืออีเมลขยะ 13% (10.8% ในปี 2558) ถูกรบกวนด้วยสื่อลามกอนาจาร 12.1% (8.4%) ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ 8.9% (8.8%) ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัว 3.2% (2.0%) และถูกหลอกลวงบนอินเทอร์เน็ต 1.5% (1.2%) และแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล นั่นคือ ความล่าช้าในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (70.3%) และโฆษณาที่มารบกวน (50.7%) แต่สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ผู้ใช้ถูกรบกวนด้วยสื่อลามกอนาจาร1

 

###

 

1รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ https://www.etda.or.th/publishing-detail/thailand-internet-user-profile-2016-th.html

 

###

 

เกี่ยวกับแคสเปอร์สกี้ แลป

แคสเปอร์สกี้ แลป เป็นบริษัทระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซึ่งได้เฉลิมฉลองการก่อตั้งครบ 20 ปี ในปี พ.ศ. 2560 นี้ ความชำนาญพิเศษด้านภัยคุกคามที่ใช้เทคนิคเชิงลึก (deep threat intelligence) และระบบการป้องกันรักษาความปลอดภัยของแคสเปอร์สกี้ แลปได้ถ่ายทอดออกมาเป็นโซลูชั่นและบริการเพื่อการรักษาความปลอดภัยที่คอยให้การปกป้ององค์กรธุรกิจ โครงสร้างที่มีความสำคัญ องค์กรภาครัฐและผู้บริโภคมากมายทั่วโลก ทั้งนี้พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาความปลอดภัยที่ครบถ้วนของบริษัทประกอบด้วยโซลูชั่นและบริการเพื่อการป้องกันเอนด์พอยนท์ รวมทั้งโซลูชั่นเฉพาะทางมากมายเพื่อรับมือภัยคุกคามทางดิจิตอลที่วิวัฒนาการขยายขีดความซับซ้อนยิ่งขึ้นทุกวัน ปัจจุบันเทคโนโลยีของแคสเปอร์สกี้ แลป สามารถปกป้องยูสเซอร์มากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก และเราได้ให้การช่วยเหลือลูกค้าองค์กรในการป้องกันสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่ง อีกมากกว่า 270,000 แห่งทั่วโลก ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kaspersky.com

เปิดตัว Kaspersky IoT Scanner โซลูชั่นปกป้องไอโอทีดีไวซ์ ดาวน์โหลดฟรี เชื่อมต่อปลอดภัย

 

แคสเปอร์สกี้ แลป เปิดตัวเบต้าเวอร์ชั่นของโซลูชั่นเพื่อป้องกัน สมาร์ทโฮม” หรือบ้านอัจฉริยะ และ Internet of Things ในชื่อ “Kaspersky IoT Scanner” แอพพลิเคชั่นนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทำงานบนแอนดรอยด์แพลตฟอร์ม สามารถสแกนระบบไวไฟที่ใช้งานที่บ้าน แจ้งเตือนเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มาเชื่อมต่อกับไวไฟ และระดับของความปลอดภัย

 

ขณะที่ Internet of Things กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาชญากรไซเบอร์ก็กำลังมองหาวิธีการช่องทางหาประโยชน์จากเทรนด์ที่เติบโตนี้ด้วยเหมือนกัน แทนที่จะทำให้ชีวิตของผู้บริโภคสมาร์ทดีไวซ์ง่ายขึ้น กลับกลายมาเป็นช่องโหว่ในด้านซีเคียวริตี้ที่น่าเป็นห่วงขึ้นทุกวัน

 

ซิลเวีย อึง ผู้จัดการทั่วไป แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราได้พบเห็นดีไวซ์มากมายหลายประเภทที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แล้วก็กลายเป็นเหยื่อโดนแฮ็ก ช่องโหว่ที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุดมาจากซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการต่อกับเว็บนี่เอง ทั้งๆ ที่ซอฟต์แวร์เหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่แล้ว จุดที่เป็นช่องโหว่ได้นั้นมีตั้งแต่ baby monitors ไปจนกระทั่ง เครื่องปรับอากาศ หรือรถยนต์ น่าเศร้าว่า เมื่อมีสิ่งใดเชื่อมต่อกับเว็บได้ ก็เป็นอันว่ามีโอกาสตกเป็นเหยื่อโดนแฮ็กได้เสมอ แถมยังมี IoT search engines มาคอยเปิดโอกาสให้เป็นเหยื่อเพลี่ยงพล้ำได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก”

จากการวิเคราะห์ของ การ์ตเนอร์ พบว่ามีอุปกรณ์ IoT มากกว่าหกพันล้านเครื่องที่กำลังใช้งานอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ และหลายเครื่องก็ได้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรไซเบอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ตัวอย่าง เมื่อปีที่แล้ว ทั้งโลกสั่นคลอนกับคลื่นการโจมตี DDoS attacks ที่มาจากฝีมือ Mirai botnet ที่ใช้ช้องโหว่ยอดนิยมในอุปกรณ์ IoT ในการแพร่กระจายเชื้อ และจับเหยื่อมาเป็นหุ่นเชิดของตน แคสเปอร์สกี้ แลป ได้พัฒนาโซลูชั่นเพื่อช่วยลดความเสี่ยงเช่นนี้ลง ตอนนี้ยังเป็นเบต้าเวอร์ชั่น แต่ก็ขอแนะนำให้บรรดาผู้ใช้ IoT ทั้งหลายนำมาใช้เพื่อเป็นการป้องกันอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านสมาร์ทโฮมของตน และแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับเกี่ยวกับศักยภาพ ความสามารถ สมรรถนะในการใช้งานโซลูชั่นที่เรียกว่า Kaspersky IoT Scanner นี่ด้วย

 

Kaspersky IoT Scanner จะระบุสมาร์ทดีไวซ์ที่เชื่อมต่อกับไวไฟเร้าเตอร์โดยอัตโนมัติ รวมไปถึง ไอพีคาเมร่า (IP cameras) สมาร์ททีวี เครื่องพิมพ์ต่อผ่านไวไฟ อุปกรณ์เก็บข้อมูลบน NAS มีเดียเซิร์ฟเวอร์ และเกมคอนโซล รวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ที่อยู่ในวงเครือข่ายในบ้านของเรา โซลูชั่นจะ “จดจำ” อุปกรณ์เหล่านี้ไว้ และแจ้งเตือนผู้ใช้งาน เมื่อใดก็ตามที่มีอุปกรณ์ใหม่หรือที่ใช้ปกติมาต่อเชื่อม หรือปลดการต่อเชื่อม ทำให้ผู้ใช้งานล่วงรู้อยู่เสมอถึงสถานะความเป็นไปว่ามีใคร อะไรมาเชื่อมต่อกับเครือข่ายบ้านของตนบ้าง

 

โซลูชั่นสแกนอุปกรณ์หาช่องโหว่ ตัวอย่าง หากพอร์ตต่อเชื่อมถูกเปิดอยู่ (ย่อมหมายถึงใครก็ตามที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตสามารถที่จะต่อเข้ามาได้) โซลูชั่นแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับสถานะนั้น และแนะนำให้ทำการปิดพอร์ตในทันที นอกจากนี้ Kaspersky IoT Scanner แจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพาสเวิร์ดรหัสผ่านของตัวไวไฟเร้าเตอร์ Telnet หรือ SSH ด้วย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกัน การเชื่อมต่อเข้ามาในเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะผ่านทางอุปกรณ์ IoT ที่ต่ออยู่ชิ้นใดก็ตาม ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการตั้งพาสเวิร์ดรหัสผ่านที่ไม่แข็งแกร่งนั่นเอง

อังเดรย์ โมโกล่า หัวหน้าฝ่ายธุรกิจผู้บริโภคของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า ปรัชญาความมุ่งมั่นของแคสเปอร์สกี้ แลป คือปกป้องโลกใบนี้ให้พ้นจากภัยไซเบอร์ และนี่มิใช่เป็นเพียงลมปากเท่านั้น เพราะเราทำงานหนักทุกวันเพื่อทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นที่ที่มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานของเรา คลังอาวุธของเรานั้นประกอบด้วยโซลูชั่นที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานหลากหลายตัว รองรับการทำงานหลากหลายรูปแบบและหลากหลายแพลตฟอร์ม และ โซลูชั่น Kaspersky IoT Scanner นี้ก็เป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นที่จะช่วยให้ประชากรเน็ตจำนวนหนึ่ง หรือเรียกว่า ผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ทั้งหลาย สามารถใช้งานได้อย่างมีเกราะป้องกันตัว

 

สามารถดาวน์โหลด Kaspersky IoT Scanner เวอร์ชั่นเบต้าสำหรับการทดสอบได้จาก Google Play ในภาษาอังกฤษและรัสเซีย ได้ที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.kaspersky.iot.scanner

จีเอฟเค ชี้ตลาดกล้องมิเรอร์เลสในไทยเติบโตขึ้น จากการตื่นตัวของกระแสแชะแชร์

ผู้บริโภคไทยกว่า 1 ใน 10 ซื้อกล้องมิเรอร์เลสในช่วงปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคจำนวนมากอีกส่วนหนึ่งมีแนวโน้มที่จะซื้อในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้อีกด้วย

 

ความต้องการและความสนใจในการถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงเป็นปัจจัยที่ผลักดันยอดขายกล้องมิเรอร์เลสในประเทศไทย โดยผลสำรวจจาก GfK Point of Sales ข้อมูลจากจุดขายของจีเอฟเคพบว่ากลุ่มคนรักการถ่ายภาพในประเทศไทยมียอดการใช้จ่ายกว่า 8.9 พันล้านบาทในการซื้อกล้องมิเรอร์เลสเป็นจำนวนทั้งสิ้น 341,000 เครื่องในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าตลาดกล้องประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อีกในปีหน้า

 

ตลาดกล้องมิเรอร์เลสในประเทศไทย เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีศักยภาพการเติบโตในตัวเลขสองหลัก ปีต่อปี ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

 

จากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคโดยจีเอฟเคพบว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ร้อยละ 10 ของพลเมืองออนไลน์ในประเทศไทยได้ซื้อกล้องมิเรอร์เลส และแนวโน้มที่จะซื้อภายใน 1 ปีจากนี้มีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกของการเติบโตของตลาดกล้องมิเรอร์เลสในไทย

 

“กล้องมิเรอร์เลสกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ของกลุ่มคนรักการถ่ายภาพที่ต้องการภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูง ด้วยกล้องที่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ใช้งานง่าย และยังมีราคาซื้อหาเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่ากล้อง DSLR ระดับสูง” เจอราร์ด แทน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดเทคโนโลยี จีเอฟเค เอเชีย กล่าว “เป็นที่น่าสนใจว่า กล้องมิเรอร์เลสในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจอย่างสูงในฐานะของสินค้าฟุ่มเฟือยที่ใช้ในการยกระดับหรือแสดงฐานะทางสังคม”

 

ผลสำรวจยังระบุอีกว่า จำนวน 2 ใน 3 ของผู้ที่ใช้กล้องมิเรอร์เลสมีช่วงอายุอยู่ที่ 18-35 ปี และ 3 ใน 5 ของผู้บริโภคที่ตั้งเป้าจะซื้อกล้องมิเรอร์เลสก็อยู่ในช่วงอายุนี้ด้วยเช่นกัน

 

“นอกจากนี้ รายงาน GfK’s Connected Asian Consumer ยังระบุถึงผลการสำรวจในปีที่ผ่านมาด้วยว่า ประเทศไทยมียอดผู้ใช้งานโซเชียลแอพพลิเคชั่นสูงเป็นอันดับ 2 ของทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยคิดเป็นร้อยละ82 และแนวโน้มโซเชียลในปัจจุบันของวัยรุ่นไทยคือ ใช้กล้องมิเรอร์เลสถ่ายภาพแล้วแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียทันที” เจอราร์ด แทนกล่าว

 

ทั้งนี้ รายงานผลสำรวจของจีเอฟเคยังพบว่ากลุ่มผุ้บริโภคที่ใช้กล้องมิเรอร์เลสจากผู้ผลิตแบรนด์ดัง เช่น โซนี่ แคนนอน ฟูจิฟิล์ม โอลิมปัส จะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับช่องทางการซื้อ รูปแบบการใช้งาน และความชื่นชอบต่ออุปกรณ์ที่ตนใช้งาน เกือบ 2 ใน 5 หรือร้อยละ 19 พิจารณาผลการรีวิวของผู้บริโภคบนอินเทอร์เน็ตว่าเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญหลักในการหาข้อมูลกล้องมิเรอร์เลส อย่างไรก็ดี ประมาณร้อยละ 23 ระบุว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการเลือกแบรนด์หรือรุ่นจะมาจากการเข้าไปเลือกดูของจริงที่ร้านโดยส่วนใหญ่

 

“ผลการวิจัยยังแสดงข้อมูลให้เห็นถึงความแตกต่างที่เด่นชัดของทัศนคติรวมทั้งพฤติกรรมระหว่างผู้ที่กำลังใช้สินค้าและที่ตั้งใจว่าจะซื้ออีกด้วย” เจอราร์ดตั้งข้อสังเกต “ข้อมูลเชิงลึกเช่นนี้มีความสำคัญต่อแบรนด์สินค้า ด้วยข้อมูลที่มีค่าแสดงถึงพฤติกรรมขั้นตอนการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภค และช่วยให้กลยุทธ์การสื่อสารหลากหลายช่องทางสัมฤทธ์ผลสูงสุด ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าของตน”

 

เกี่ยวกับรายงานฉบับนี้

รายงานผลสำรวจพฤติกรรมการซื้อกล้องมิเรอร์เลส (Mirrorless Camera Path to Purchase Survey) จัดทำขึ้นในประเทศไทยในเดือน มิถุนายนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 การทำแบบสอบถามออนไลน์มีกลุ่มเป้าหมายผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 540 คน โดยมีช่วงอายุอยุ่ที่ 18-55 ปี ที่ซื้อกล้องมิเรอร์เลสของ แคนนอน โซนี่ ฟูจิฟิล์ม และโอลิมปัส ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับผู้ที่มีความต้องการจะซื้อกล้องมิเรอร์เลสภายในเวลา 1 ปีข้างหน้า


 

เกี่ยวกับ จีเอฟเค (GfK)

จีเอฟเค เป็นบริษัทข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดและผู้บริโภคที่ได้รับความไว้วางใจ และช่วยให้ลูกค้าของบริษัทดำเนินการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จีเอฟเคมี ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยธุรกิจการตลาดมากกว่า 13,000 คน ที่พร้อมผนึกกำลัง ความสามารถผนวกกับประสบการณ์อันยาวนานและองค์ความรู้ด้านข้อมูลของบริษัท เพื่อผลิตข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญในระดับโลกพร้อมข้อมูลทางการตลาดจากมากกว่า 100 ประเทศ จีเอฟเคเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการใช้งาน  โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และองค์ความรู้ด้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนา ข้อได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างเสริมประสบการณ์และตัวเลือกของผู้บริโภคได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gfk.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์: https://twitter.com/GfK

‘น้องกิ๊ฟ’ สาวจากยโสธร ซิวมิสซูปร้าเนชั่นไทยแลนด์คนแรก

น้องกิ๊ฟสาววัย 22 ปี จากเมืองบั้งไฟ จังหวัดยโสธร ซิวมิสซูปร้าเนชั่นไทยแลนด์คนแรก กองเชียร์ลุ้นก่อนเฮลั่น ได้เป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวดเวทีความงามระดับโลกที่ โปแลนด์

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่โรงละครสยามนิรมิต ภูเก็ต กองประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ นำโดยนายภูมิรัตน์ เลิศวิศิษฎ์ชัย ประธานอำนวยการกองประกวดฯ นางสาวณหทัย เล็กบำรุง ผู้ที่ลิขสิทธิ์ จัดการประกวด “มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017” รอบตัดสิน โดยมีนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้เกียรติชมการประกวดซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ท่ามกลางกองเชียร์ ทั้งพ่อแม่พี่น้อง ญาติของเหล่าสาวงาม และแฟนนางงามมาให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงเชียร์ติดขอบเวทีกันอย่างคึกคัก

 

การประกวดเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวสาวงามตัวแทนจาก 77 จังหวัด ในเวลา 11.00 น. ในชุดประจำจังหวัด ที่รังสรรค์เครื่องแต่งกายสื่อถึงศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี บ่งบอกอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดผ่านความวิจิตรงดงาม พร้อมกับการแนะนำตัวตามลำดับภาค เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมเป็นอย่างมาก ก่อนจะประกาศรางวัลชุดประจำจังหวัดดีเด่น มีจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ มิสูปร้าฯ เพชรบุรี นางสาวคณัสนันท์ ทองอยู่ หรือ น้องเน็นเน่ มิสซูปร้าฯ ลำปาง นางสาวรัตนาภรณ์ เกษแก้ว หรือ น้องจ๋า และรางวัลชุดประจำจังหวัดยอดเยี่ยมได้แก่ มิสซูปร้าฯ ปทุมธานี นางสาวอริศรา เพชรเพชรชรินทร์พันธ์ หรือ น้องกุ๊กกิ๊ก

จากนั้นสาวงามผู้เข้าประกวด ออกมาอวดโฉมอีกครั้งในชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ ต่อด้วยการประกาศรางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม ได้แก่ มิสซูปร้าฯ มหาสารคาม นางสาวศิริกาญจน์ ชลัยรัตน์ หรือ น้องจูน รางวัลนางงามมิตรภาพ ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ปราจีนบุรี นางสาวนนทิชา ฉัตรทอง หรือ น้องใบเฟิร์น และรางวัลนางงามผิวสวย ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ตราด นางสาวฬิษา สุวรรณเกษการ หรือ น้องซาเอะ ได้เป็นตัวแทนไปประกวดความงามเวทีนานาชาติ มิสเอเชียแปซิฟิกอินเตอร์เนชั่นแนล

 

สาวงามผู้เข้าประกวดเปลี่ยนลุกส์ออกมาอวดโฉมอีกครั้งในชุดราตรีตัดเย็บจากผ้าไทย ก่อนจะประกาศรางวัลชุดราตรีดีเด่น มีจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ มิสซูปร้าฯ สุรินทร์ นางสาวมยุริญ แพงทรัพย์ หรือ น้องสายไหม และมิสซูปร้าฯ ภูเก็ต นางสาวภัทลดา เงินอนันตสุข หรือ น้องพัช รางวัลชุดราตรียอดเยี่ยม ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ลพบุรี นางสาววรรณาคงสมทอง หรือ น้องหนูนา

ต่อด้วยการประกาศชื่อผู้เข้ารอบ 18 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสซูปร้าฯ พัทลุง, มิสซูปร้าฯ ระนอง, มิสซูปร้าฯ พะเยา, มิสซูปร้าฯ นครนายก, มิสซูปร้าฯ ตราด, มิสซูปร้าฯ เลย, มิสซูปร้าฯ น่าน, มิสซูปร้าฯ มหาสารคาม, มิสซูปร้าฯ สุโขทัย, มิสซูปร้าฯ ตาก, มิสซูปร้าฯ หนองบัวลำภู, มิสซูปร้าฯ ชัยนาท, มิสซูปร้าฯ ประจวบคีรีขันธ์, มิสซูปร้าฯ ตรัง, มิสซูปร้าฯ สงขลา, มิสซูปร้าฯ ยโสธร, มิสซูปร้าฯ สุรินทร์, มิสซูปร้าฯ นครราชสีมา

 

ก่อนจะประกาศรางวัลเวทีประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ต่างจังหวัดดีเด่น มีจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ สงขลา และราชบุรี รางวัลเวทีประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ต่างจังหวัดยอดเยี่ยม ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ รางวัลซูปร้าเมเนเจอร์ดีเด่น มีจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ มหาสารคาม และกรุงเทพมหานคร รางวัลซูปร้าเมเนเจอร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ ภูเก็ต

จากนั้น 18 สาวงามปรากฏโฉมอีกครั้งในชุดราตรี หลังจากประกาศรางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ประจวบคีรีขันธ์ นางสาวฐานิกา จุลพันธ์ หรือ น้องเจเจ การประกวดเข้มข้นต่อเนื่อง ด้วยการประกาศชื่อผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ชัยนาท, มิสซูปร้าฯ ยโสธร, มิสซูปร้าฯ น่าน, มิสซูปร้าฯ สงขลา, มิสซูปร้า พะเยา และสาวงามทั้ง 5 ตอบคำถามจากคณะกรรมการ

 

ต่อมามีการประกาศรางวัล รองมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 อันดับ 2 มีจำนวน 3 รางวัลได้แก่ มิสซูปร้าฯ พะเยา นางสาวกวินตรา ประภาสะโนบล หรือ น้องหลินหลิน, มิสซูปร้าฯ สงขลา นางสาวปัภฑณัญ จันทรโชตะ หรือ น้องตะวัน, มิสซูปร้า ชัยนาท นางสาวนิศานาถ โม่งใส หรือ น้องเฟิร์น รับรางวัลสายสะพายพร้อมของรางวัลจากผู้สนับสนุน ก่อนที่นางสาวชินนิดี้ เชตตี้ มิสซูปราเนชั่นแนล 2016 จากประเทศอินเดีย อวดโฉมบนเวที

และแล้ววินาทีระทึกใจได้มาถึง ประกาศผลสาวงามผู้ได้รับตำแหน่ง “มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017” คนแรก ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ยโสธร นางสาวจิรประภา บุญเนื่อง หรือ น้องกิ๊ฟ รับรางวัลเงินสด 1ล้านบาท มงกุฎเพชร สายสะพาย รถยนต์โปรตอน 1 คัน และของราวัลจากผู้สนับสนุนมากมากมาย พร้อมเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนล 2017 ที่ ประเทศโปแลนด์

ในขณะที่รองมิสซูปร้าเนชั่นไทยแลนด์ 2017 อันดับ 1 ได้แก่ มิสซูปร้าฯ น่าน นางสาวพิณรัตน์ มะวิญธร หรือ น้องอุ้ม รับรางวัลสายสะพายพร้อมของรางวัลจากผู้สนับสนุน

 

สำหรับ น้องกิ๊ฟ มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 อายุ 22 ปี มีบ้านเกิดอยู่ จ.ตรัง ก่อนย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ จ.ยโสธร สูง 176 ซม. หนัก 54 กก. สัดส่วน 34-25-36 กำลังศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ก้าวเข้าสู่การประกวดนางงามเวทีระดับประเทศ กับการประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 เพราะอยากเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ดีใจที่ประสบความสำเร็จกับการประกวดครั้งนี้ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดนางงามเวทีระดับโลกต่อไป

แซ่บทะเลเดือด!! ‘มิสซูปร้าฯ 2017’ จัดหนักชุดว่ายน้ำจนต้องร้องอื้อหือ

ร้อนฉ่า ณ บัดนาว ต้องยกให้ความแซ่บทะเลเดือดชวนซี้ด ของสาวผู้เข้าประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 ในชุดว่ายน้ำล่องเรือยอร์ชออกทะเลอันดามัน จัดหนักความเซ็กซี่แบบไม่มีลิมิตโพสท่าประชันหวิว อวดหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม  ระหว่างเก็บตัวทำกิจกรรม ที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 29 ส.ค.60 เห็นแล้วถึงกับต้องร้องโอ้โห..อื้อหือ!! เลยทีเดียว

มิสซูปร้าฯ น้อมใจ ประดิษฐ์ดอกดารารัตน์ ถวายในหลวง ร.9

วันที่ 29 ส.ค.60 กองประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ นำตัวแทนสาวงามจาก 77 จังหวัดผู้เข้าประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 ทำกิจกรรมการประกวดที่ จ.ภูเก็ต ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย

โดยในช่วงเช้า เหล่าสาวงามผู้เข้าประกวดออกเดินทางไปยัง วัดม่วงโกมารภัจจ์  ตั้งอยู่บ้านเหรียง ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมกิจกรรมแห่งความจงรักภักดีและความอาลัยที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 พระผู้ทรงสถิตย์อยู่ในดวงใจพสกนิกรชาวไทยตราบนิรันดร์

เมื่อเดินทางถึงเหล่าสาวงามได้ไหว้อนุสาวรีย์ย่ามุกย่าจัน และกราบสักการะพระพุทธมณีศรีถลาง พระพุทธรูปปางคันธาระ หรือปางขอฝน เพื่อความเป็นสิริมงคล และน้อมใจประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ “ดอกดารารัตน์” ร่วมกับชาวบ้าน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

สำหรับดอกดารารัตน์ เป็นดอกไม้สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขณะเสด็จประทับอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งดอกดารารัตน์เป็นดอกไม้ที่มีคุณค่า คำว่า ดารา หมายถึง ดวงดาว คำว่า รัตน์ หมายถึง แก้ว

วัดม่วงโกมารภัจจ์ หรือชาวบ้านเรียกวัดม่วง เป็นวัดร้างอยู่ในความดูแลของวัดพระนางสร้าง มีความเชื่อว่าเป็นวัดในสมัยท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เจ้าเมืองถลางใช้เป็นสถานที่ฝึกทหาร การเคี่ยวน้ำมัน ลงยันตร์ ผสมดินปืน มีบ่อน้ำแช่ว่านสมุนไพรทำให้ทหารอยู่ยงคงกระพัน เป็นวัดที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของ จ.ภูเก็ต