ไม่ใช่แค่ตั๋วเครื่องบิน! KLM ออกบริการจองโปรแกรมเที่ยวและกิจกรรมได้ด้วย GetYourGuide

ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วขึ้นชมวิวบนหอไอเฟล, ทริปดำน้ำดูฉลามที่เคปทาวน์ หรือชมวิวแบบพานอรามิคของมหานครนิวยอร์คบนตึกเอ็มไพร์สเตท วันนี้สายการบิน KLM Royal Dutch พร้อมแล้วในการนำเสนอบริการใหม่ให้ลูกค้าจากทั่วโลก ที่จะสามารถจองโปรแกรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมสุดพิเศษใหม่ภายใต้ชื่อ GetYourGuide ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ของ KLM ผ่านทางเว็บไซต์ KLM.com หรือจะเป็นแพลตฟอร์ม, แอพพลิเคชั่นที่คุณถนัด รวมทั้งผ่านหน้าจอความบันเทิงบนเที่ยวบินของKLM ทุกเที่ยวบินระหว่างการบินของคุณก็ได้เช่นกัน

 

 

สายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ  KLM ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรกับ GetYourGuide – ผู้นำด้านแพลตฟอร์มระบบรับจองการท่องเที่ยวและกิจกรรมออนไลน์ชั้นนำของโลก อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสายสายการบิน KLM มีอิสระในการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวของตนด้วยการจองโปรแกรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมได้มากกว่า 30,000 รายการในกว่า 2,500 ปลายทางรอบโลก โดยสามารถจองได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มรูปแบบต่างๆ ที่ KLM จัดไว้บริการ ผู้โดยสารสามารถจองโปรแกรมการท่องเที่ยวได้ทันทีที่จองเที่ยวบินหรือทำการเช็คอินเป็นที่เรียบร้อย หรือแม้กระทั่งขณะทำการบิน หรือในโอกาสอื่นใดที่ทาง KLM สามารถเป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกเป็นผู้ช่วยได้เสมอ  โปรแกรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมที่จองผ่าน GetYourGuide ของ KLM นั้นใช้เวลาในการจองเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยระบบแจ้งเตือน ที่เป็นบริการแบบไร้กระดาษ ด้วยการใช้ QR code ในการแสดงสิทธิ์การจองกับทางเจ้าหน้าที่ได้ง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น GetYourGuide ยังคอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเตือนกำหนดเวลาในโปรแกรมให้กับผู้ใช้ผ่านทางการแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะพร้อมให้บริการในอีกไม่นานนี้

 

 

KLM   มุ่งมั่นในด้านความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าผู้โดยสารในทุกสถานที่ รังสรรค์โอกาสที่น่าสนใจและประทับใจต่อลูกค้าผู้โดยสารของ KLM เพื่อจับจองได้ในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมและบริการที่รื่นรมย์และหลากหลายในการเดินทางแต่ละครั้ง การเปิดตัวพันธมิตรใหม่ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคำมั่นสัญญาที่ทั้งสองบริษัทมีต่อลูกค้าผู้ใช้บริการคาดหวังตลอดมา ทั้งเรื่องของความยืดหยุ่นและการวางแผนการท่องเที่ยวผ่านระบบดิจิทัล

 

การเปิดให้บริการจองโปรแกรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมรวมถึงบริการเสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถและโรงแรมผ่านทาง GetYourGuide นั้นช่วยให้ลูกค้าที่เลือกเดินทางกับเรามีผู้ช่วยในการจัดการโปรแกรมการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มรูปแบบต่างๆ ของ KLM ได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น ไม่ว่าลูกค้าจะจัดการวางแผนการเดินทางมาล่วงหน้าไว้หลายสัปดาห์ หรือแม้จะเพิ่งวางแผนระหว่างการเดินทางอยู่บนเครื่องบินก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย เราเองก็พบพันธมิตรที่มีความเหมาะสมอย่างเช่น GetYourGuide ที่ช่วยให้เรื่องราวการเดินทางทั้งหมดนี้สมบูรณ์แบบครบครัน ตั้งแต่การท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะต้องมีบริการสักอย่างสำหรับทุกคนในโลกของดิจิทัลจากหลายๆ นวัตกรรมของ KLM ที่โดนใจผู้ใช้อย่างแน่นอน” ปีเตอร์ โกรเนอวาล์ด รองประธานอาวุโส ฝ่ายดิจิทัล ของ สายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม

 

 

“ในการเปลี่ยนโลกของการท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนักเดินทางรอบโลกนั้น สิ่งที่เรามองหาคือพันธมิตรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าที่มีวิสัยทัศน์สู่อนาคตเสมอ KLM คือหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมสายการบินที่ให้คำมั่นสัญญาในเรื่องของนวัตกรรมด้านดิจิทัล และเราทั้งสองก็ตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงทริปการเดินทางของลูกค้าทุกท่านให้กลายเป็นประสบการณ์ที่แสนประทับใจนี้ไปด้วยกัน” เตา เตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ของ GetYourGuide

 

 

เกี่ยวกับ KLM และสื่อสังคมออนไลน์

 

ตั้งแต่ปี 2552 KLM เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรธุรกิจผู้นำในการให้บริการและนำเสนอแคมเปญผ่านทางเครือข่ายสังคม โดยมีผู้ติดตามในเครือข่ายสังคมแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลกมากถึง 25 ล้านราย การสื่อสารผ่านทางช่องทางเครือข่ายสังคมนี้ KLM ถูกพูดถึงมากกว่า 1 แสนครั้งในหนึ่งสัปดาห์ กว่า 15,000 คำถามหรือข้อสอบถาม โดยที่คำถามทั้งหมดได้รับการตอบแบบตัวต่อตัวด้วยเจ้าหน้าที่มากกว่า 250 คนที่ถือว่าเป็นทีมงานด้านเครือข่ายสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทั้งหมดครอบคลุมแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง WhatsApp, Facebook, Messenger, Twitter, LinkedIn, WeChat และ KakaoTalk (ให้บริการในภาษาเกาหลี) และให้บริการไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วันใน 9 ภาษาได้แก่ ดัตซ์, อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, ปอร์ตุเกส, ฝรั่งเศส, จีน, ญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงภาษาอิตาลีในช่วงเวลาเปิดทำการ ซึ่ง KLM ถือเป็นสายการบินพาณิชย์แรกที่เสนอตัวเลือกให้ลูกค้ารับข้อมูลเอกสารและอัพเดตสถานการณ์บินผ่านทางแอพพลิเคชั่น Messenger, Twitter, WeChat และ KakaoTalk (เฉพาะภาษาเกาหลี)

 

แอพพลิเคชั่นของ KLM มีการดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วถึง 2 ล้านครั้งทั้งบนระบบ iOS และ Andriod โดยที่มีผู้เข้าใช้งานประมาณ 85,000 ครั้ง ในการจองเที่ยวบิน, เช็คอินแบบออนไลน์, ดาวน์โหลดตั๋วเดินทาง, จองที่นั่งและอัพเดตตารางข้อมูลการบิน

 

เกี่ยวกับ GetYourGuide

 

ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มระบบรับจองกิจกรรมการท่องเที่ยว GetYourGuide ช่วยให้นักเดินทางมีสิทธิพิเศษในการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากกว่า  30,000 แห่งทั้งที่เป็นโปรแกรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวในมากกว่า 2,500 ปลายทางรอบโลก ตั้งแต่ตั๋วขึ้นชมหอไอเฟลไปจนถึงดำน้ำกับฉลามที่เคปทาวน์ สิ่งที่ GetYourGuide นำเสนอทุกสิ่งที่นักเดินทางต้องการ พร้อมทั้งยังร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ที่เกี่ยวกับการเดินทางชั้นนำของโลก

KLM สุดล้ำ! ใช้เทคโนโลยี AI ให้บริการจองตั๋วเสมือนคุยกับเจ้าหน้าที่

สายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ  KLM ประกาศเปิดตัวบริการใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารของสายการบิน โดยสามารถทำการจองตั๋วโดยสารได้เองผ่านแอพพลิเคชั่น Messenger ของ KLM ที่เรียกว่า BlueBot (BB) ที่สนับสนุนด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของระบบ AI โดย BB นี้มีหน้าที่ให้บริการแก่ลูกค้าของสายการบินในการรับสั่งจองตั๋วการเดินทางผ่านแอพพลิเคชั่น Messenger ด้วยการสนทนาแบบธรรมดาเหมือนติดต่อกับเจ้าหน้าที่ปกติ จากการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้นี้ช่วยให้ลูกค้าของสายการบินสามารถจองตั๋วได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของทางสายการบิน KLM อีกต่อไป

ระบบ BB มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และมีบุคลิกส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลือ, เป็นกันเอง มีความเป็นมืออาชีพและมีความเฉลียวฉลาดในการสนทนา และระบบ BB เองก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าตนนั้นรับหน้าที่เป็นตัวเชื่อมของลูกค้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ที่ KLM มีอยู่พรั่งพร้อม โดยมีทีมงานถึง 250 คนคอยสนับสนุนการทำงานของ BB อยู่เบื้องหลัง เมื่อใดที่ระบบ BB ไม่สามารถให้บริการในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างเต็มที่ ระบบ BB จะทำการส่งต่อลูกค้ารายนั้นไปยังทีมงานที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังทันที และอีกไม่นานระบบ BB จะมีบริการเพิ่มมากขึ้นและรองรับการให้บริการกับช่องทางการติดต่อดิจิทัลอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะการให้บริการด้วยการสนทนากับลูกค้า

 

“KLM เป็นสายการบินที่เป็นที่รู้จักและชื่นชอบเป็นอย่างดีในการนำเสนอบริการที่น่าประทับใจแก่ผู้โดยสารรายบุคคล โดยเฉพาะในโลกเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้น KLM มีบริการตลอด 24 ชั่วโมงครบทุก 7 วันด้วยเจ้าหน้าที่พร้อมให้การดูแลถึง 250 คนที่คอยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าได้มากกว่า 16,000 เรื่องในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งแน่นอนว่า เราวางแผนเพิ่มสมรรถนะยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันลูกค้าของเราก็ต้องการการตอบสนองที่เร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงได้ทดลองนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของเราในการดูแลลูกค้าในแบบที่เป็นส่วนตัว, รวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ด้วยระบบ BB ทำให้ KLM ก้าวไปอีกขั้นในเรื่องของกลยุทธ์ด้านนโยบายสื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์  ทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้นำเสนอบริการให้กับลูกค้าแต่ละรายแบบคนต่อคน พร้อมทั้งทีมงานที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเมื่อถึงคราวจำเป็น” ปีเตอร์ โกรเนอวาล์ด รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อดิจิทัล Air France KLM

 

เกี่ยวกับ KLM และสื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์

 

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552  สายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ  KLM เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรธุรกิจผู้นำในการให้บริการและนำเสนอแคมเปญผ่านทางเครือข่ายสังคม โดยมีผู้ติดตามในเครือข่ายสังคมแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลกมากถึง 25 ล้านราย การสื่อสารผ่านทางช่องทางเครือข่ายสังคมนี้ KLM ถูกพูดถึงมากกว่า 1 แสนครั้งในหนึ่งสัปดาห์ กว่า 15,000 คำถามหรือข้อสอบถาม โดยที่คำถามทั้งหมดได้รับการตอบแบบตัวต่อตัวด้วยเจ้าหน้าที่มากกว่า 250 คนที่ถือว่าเป็นทีมงานด้านเครือข่ายสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทั้งหมดครอบคลุมแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง WhatsApp, Facebook, Messenger, Twitter, LinkedIn, WeChat และ KakaoTalk ปัจจุบัน KLM เปิดให้บริการลูกค้าแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียวไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วันใน 9 ภาษาได้แก่ ดัตซ์, อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, ปอร์ตุเกส, ฝรั่งเศส, จีน, ญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงภาษาอิตาลีในช่วงเวลาเปิดทำการ ซึ่ง KLM ถือเป็นสายการบินพาณิชย์แรกที่เสนอตัวเลือกให้ลูกค้ารับข้อมูลเอกสารและอัพเดตสถานการณ์บินผ่านทางแอพพลิเคชั่น Messenger, Twitter และถือเป็นสายการบินชาติตะวันตกรายแรกที่ให้บริการผ่านทาง WeChat

 

จีเอฟเค เผยตลาดอาเซียนตื่นตัวรับทีวีความละเอียดสูงแบบ UHD และจอแสดงผลแบบ OLED

ผู้บริโภคทั่วโลกต่างเต็มใจจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อประสบการณ์ในการรับชมทีวีที่ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม อ้างอิงจากรายงานผลสำรวจทางการตลาดจากจีเอฟเคที่พบว่ามีการตื่นตัวรับเทคโนโลยียุคใหม่อย่างทีวีความละเอียดสูงระดับ UHD และจอภาพแบบ OLED โดยยอดขายทีวีทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 พบว่า 478,000 เครื่องเป็นรุ่นที่ใช้หน้าจอแบบ OLED และมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 94% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น อัตราการเติบโตของทีวีความละเอียดสูงแบบ UHD ทั่วโลกอยู่ในทิศทางเดียวกัน โดยมีมูลค่าเกือบเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าของทีวีทั้งตลาด หรือเป็น 48%

 

ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในบทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผลสำรวจทางการตลาดกลุ่มสินค้าทีวีทั่วโลกโดยจีเอฟเคที่เผยแพร่ในงาน IFA 2017 ที่เมืองเบอร์ลิน

 

ภาพรวมตลาดสินค้าทีวีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงครึ่งปีแรกพบว่ายอดขายขยับขึ้นเพียง 1% ในด้านของจำนวนที่ขายออกไป และหากคิดเป็นตัวเม็ดเงินนั้นคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 2% แต่กลุ่มสินค้าทีวีความละเอียดสูงแบบ UHD หรือที่เรียกกันว่า 4K และ OLED พบว่ายอดขายในแง่จำนวนทะยานขึ้น 92% และ 69% ตามลำดับ และ 53% และ 85% ในแง่ของตัวเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้น

 

“OLED เป็นเทคโนโลยีของทีวีล่าสุดที่สร้างความสนใจให้กับตลาดปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่แบรนด์ต่างๆ เริ่มนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ หลังจากที่มีผู้เล่นเพียงรายเดียวครองตลาดมานาน” เจอราร์ด แทน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายติดตามธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยี จีเอฟเค เอเชีย กล่าว “จากการแข่งขันที่เริ่มดุเดือดขึ้นนี้ เราจะได้เห็นความคึกคักของตลาดจากการแข่งขันจากทั้งแบรนด์เจ้าของสินค้าและร้านค้าปลีกเพื่อหวังดูดเงินที่อยู่ในมือผู้บริโภคนั่นเอง”

 

ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จ่ายเงินไปกับทีวีแบบ UHD รวมมูลค่า 725 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม ด้วยความต้องการของทีวีที่มีราคาถูกและมีขนาดหน้าจอที่เล็กมากขึ้น ทำให้ราคาสินค้าทีวีในกลุ่มนี้ตกลง 20% ภายในหนึ่งปีเหลือราคาเฉลี่ยที่ 836 เหรียญสหรัฐต่อเครื่องจากการแข่งขันในตลาดทีวีแบบ UHD ที่เริ่มรุนแรงขึ้น การติดตามข้อมูลตลาดของ จีเอฟเคพบว่ามีหลายแบรนด์มากขึ้นที่เปิดตัวสินค้าในรุ่นที่สามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้ง่าย และมีทีวีแบบ UHD ที่เล็กลงหลายรุ่นเข้าตลาดแต่ละประเทศ เช่น ประเทศเวียตนามมีจำนวนรุ่นของทีวีแบบ UHD โดดขึ้นถึง 50% จากเดิมเพียง 192 รุ่น มาถึง 303 รุ่นในปีนี้

 

“การที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในทีวีความคมชัดสูงแบบ UHD และ 4K เราคาดว่าบริษัทผู้ผลิตทีวีต่างต้องสรรหาแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง อย่างหนึ่งก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ททีวีด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงใจของผู้บริโภค” เจอราร์ด แทน เสริม “ความนิยมและความพร้อมของการให้บริการคอนเทนต์แบบ Over-The-Top (OTT) ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่สามารถชักจูงให้ผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องทีวีเก่าที่มีอยู่ เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม”

 

คาดการณ์ว่าความต้องการทีวีแบบ UHD นั้นจะเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลายปีนี้อย่างแน่นอน ด้วยยอดขายจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 60% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

จากการศึกษาแยกต่างหากโดยจีเอฟเคที่อ้างอิงข้อมูลจากการติดตาม ณ จุดขาย (POS) พบว่าวงจรอายุสินค้ากลุ่มทีวีนั้นลดสั้นลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ค่อนข้างเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าทุกแบรนด์มีช่วงเวลาเพียงสั้นๆในการทำตลาดกับตัวสินค้าของตัวเองให้ได้ผล ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจ มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้แนวการตลาดแบบผสมผสานและลงทุนอย่างถ่องแท้ เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการขาย สามารถที่จะวางกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพได้รวดเร็ว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดในผลงานที่เกิดขึ้น

 

จีเอฟเคได้เผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกตลาดสินค้าทีวีทั่วโลกภายในงาน IFA 2017 ณ เมืองเบอร์ลิน วันที่ 1-6 กันยายน พ.ศ. 2560

 

###

 

วิธีการเก็บข้อมูล

จีเอฟเคทำการเก็บข้อมูล ณ จุดขายเป็นประจำผ่านกลุ่มธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกจากกว่า 100 ประเทศ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับไอทีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมทั้งอุปกรณ์เสริม และทำการวิเคราะห์ด้านความต้องการของผู้บริโภคในสภาวการณ์ปัจจุบัน ในตลาดนานาชาติ ยุโรป และเยอรมันในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2560 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา จีเอฟเคได้รวบรวมข้อมูลที่รวบรวมมาจากตัวแทนจำหน่าย และผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่นมาไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน เป็นศูนย์เก็บรวบรวมข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงนำมาใช้ในการระบุความเป็นไปได้ที่มีอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการปรับปรุงกระบวนการทำงานและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้ได้รับความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจและศักยภาพในการสร้างกำไร

เกี่ยวกับจีเอฟเค (GfK)

จีเอฟเค เป็นบริษัทข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดและผู้บริโภคที่ได้รับความไว้วางใจ และช่วยให้ลูกค้าของบริษัทดำเนินการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จีเอฟเคมี ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยธุรกิจการตลาดมากกว่า 13,000 คน ที่พร้อมผนึกกำลัง ความสามารถผนวกกับประสบการณ์อันยาวนานและองค์ความรู้ด้านข้อมูลของบริษัท เพื่อผลิตข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญในระดับโลกพร้อมข้อมูลทางการตลาดจากมากกว่า 100 ประเทศ จีเอฟเคเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และองค์ความรู้ด้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนา ข้อได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างเสริมประสบการณ์และตัวเลือกของผู้บริโภคได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gfk.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์: https://twitter.com/GfK

วัดทักษะดิจิทัลพร้อมสู่ไทยแลนด์ 4.0 ที่บูธ ICDL งาน Digital Thailand Big Bang เมืองทองธานี 21-24 ก.ย. ฟรี!

คนไทยเก่งดิจิทัลจริงป่ะ?

อย่ามโนว่าเก่งดิจิทัล! ร่วมทดสอบวัดระดับทักษะด้านดิจิทัลของคุณ ด้วย ICDL Digital Skills Check Up Station โดย The International Computer Driving Licence (ICDL) หรือวุฒิบัตรบัตรรับรองความสามารถคอมพิวเตอร์สากล เรานำระบบออนไลน์การสอบทักษะดิจิทัลมาให้ลองเล่นกันในงานเลยทีเดียว! ตรวจสอบวัดระดับทักษะดิจิทัลของคุณ! รู้ผลทันที! ว่าพร้อมเข้าไทยแลนด์ 4.0 กันหรือยัง? ทดสอบฟรี ของรางวัลเพียบ งานนี้ใครมั่ว ใครตัวจริงได้รู้กัน !!!  ที่บูธ ICDL Digital Skills Check Up Station บริเวณ Digital Playground Challenger Hall 1 เมืองทองธานี วันที่ 21-24 กันยายน ที่งาน DIGITAL THAILAND BIG BANG 2017

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/GlobalDigitalLiteracyStandard/

แอร์ฟรานซ์ ชวนสัมผัสบริการชั้นธุรกิจชวนฝัน พร้อมเที่ยวบินทุกวันกับค่าโดยสารที่ไม่อาจอดใจไหว

แอร์ ฟรานซ์ เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยเที่ยวบินจากกรุงเทพสู่ปลายทางทั่วโลกทุกวัน พร้อมโปรโมชั่น 2-to-go Business Class เริ่ม 30 ตุลาคมนี้

 

กรุงเทพฯ – แอร์ฟรานซ์ นำเสนอบริการชั้นธุรกิจจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพ สู่ปลายทางเมืองสำคัญทั่วโลกด้วยตัวเลือกการเดินทางด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมอบความสบายที่มากกว่าชั้นธุรกิจทั่วไป

 

โดยมีการจัดการเที่ยวบินจากกรุงเทพสู่ปลายทางสำคัญทุกวัน เริ่มตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2560 นี้ พร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เดินทางเพิ่มขึ้น

 

เพื่อให้ลูกค้าของสายการบินหาเหตุผลในการเดินทางแบบมีสไตล์มากขึ้น แอร์ ฟรานซ์ เลยทำการเปิดตัวโปรโมชั่น 2-to-go Business Class เพื่อฉลองการเปิดตัวเที่ยวบินทุกวันจากกรุงเทพสู่ปลายทางทั่วโลก และสำหรับสมาชิกบัตรสะสมการเดินทาง Flying Blue Member ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย สามารถสะสมไมล์ในการเดินทางในชั้นธุรกิจได้มากกว่าถึง 3 เท่า เมื่อเดินทางในช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ถึง 31 มกราคม 2561

อัตราค่าโดยสารที่แสนเย้ายวนใจ

ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 12 กันยายน 2560 นักเดินทางสามารถซื้อตั๋วเดินทางในอัตราค่าโดยสารพิเศษในโปรโมชั่น 2-to-go Business Class ของ แอร์ ฟรานซ์ ซึ่งการส่งเสริมการขายนี้รวมถึงตั๋วแบบไปกลับจากกรุงเทพไปยัง:

  • เจนีวา เริ่มต้นที่ 79,723 บาทต่อท่าน
  • ปารีส เริ่มต้นที่ 102,491 บาทต่อท่าน
  • ซูริค เริ่มต้นที่ 80,800 บาทต่อท่าน
  • แฟรงเฟิร์ท เริ่มต้นที่ 80,123 บาทต่อท่าน
  • นีซ เริ่มต้นที่ 114,855 บาทต่อท่าน

 

ราคาที่ปรากฏในการส่งเสริมการขายนี้ มีผลกับตั๋วที่ลงวันที่การเดินทางตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561

 

สามารถตรวจสอบประเทศปลายทางสำหรับรายการส่งเสริมการขาย 2-to-go รวมถึงเงื่อนไขและข้อกำหนดและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ สำหรับบริการเดินทางชั้นต่างๆ ได้ที่ www.airfrance.com/th

 

ลูกค้าสามารถจองตั๋วจากรายการส่งเสริมการขายผ่านทางเว็บไซต์ www.airfrance.com/th และบริษัทตัวแทนการออกบัตรโดยสารหรือจองผ่านบริการฮอตไลน์ 00-1800-441-0771 (ไม่มีค่าใช้จ่าย), หรือ (66) (2) 610-0808 or +33 (0) 892 702 654 เมื่อเรียกสายจากต่างประเทศ

 

เกี่ยวกับ แอร์ ฟรานซ์ ในประเทศไทย

แอร์ ฟรานซ์ เป็นสายการบินระดับโลกที่เกิดจากแรงบันดาลใจของชาวฝรั่งเศส ที่เพียบพร้อมด้วยมาตรฐานและการเอาใจใส่เพื่อทำให้ทุกเที่ยวบินเป็นช่วงเวลาแห่งการเดินทางอย่างมีความสุขในทุกๆ วัน ทั้งในฝรั่งเศสรวมถึงในทวีปยุโรปและทุกที่บนโลก

 

แอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ถือว่าเป็นกลุ่มบริษัทสายการบินชั้นนำในการให้บริการเที่ยวบินภายในทวีปยุโรปมากที่สุด ในปี 2560 ภายในกลุ่มได้พาผู้โดยสารไปยัง 328 ปลายทางใน 118 ประเทศ ภายใต้สายการบินทั้ง 4 สายการบิน ได้แก่ Air France, KLM Royal Dutch Airlines, Transavia และ HOP! Air France พร้อมด้วยฝูงบินทั้งหมด 534 ลำในการบริการและขนส่งผู้โดยสารกว่า 93.4 ล้านคนในปี 2559 ปัจจุบัน แอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม จัดการเที่ยวบินกว่า 2,300 เที่ยวบินต่อวันซึ่งส่วนใหญ่บินออกจากศูนย์การบินที่สนามบินชาร์ล เดอ โกลล์ และ อัมสเตอร์ดัม สคิบโฮล

 

สำหรับโปรแกรมการสะสมการเดินทาง Flying Blue frequent flyer ถือว่าเป็นผู้นำในทวีปยุโรปโดยมีสมาชิกมากกว่า 27 ล้านราย

 

แอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม จับมือกับทางพันธมิตร อย่างสายการบินเดลต้าและอลิตาเลีย ในการร่วมให้บริการเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกรายใหญ่ที่สุดด้วยเที่ยวบินมากกว่า 270 เที่ยวบินต่อวัน

 

แอร์ ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ยังเป็นสมาชิกพันธมิตร SkyTeam ที่มีสายการบิน 20 แห่งร่วมเป็นสมาชิก ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงเครือข่ายสายการบินระดับโลกที่ดูแลเที่ยวบินมากกว่า 17,000 เที่ยวบินต่อวันไปสู่มากกว่า 1,060 ปลายทางใน 177 ประเทศทั่วโลก

 

แอร์ แฟรนซ์ เริ่มเที่ยวบินสู่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2481 และให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพและสนามบินชาร์ล เดอ โกลล์ ทุกวันตามตารางการบิน

 

ตารางการบินของ แอร์ ฟรานซ์ ระหว่างกรุงเทพ- ท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกลล์

 

Flight number

เที่ยวบิน

 

 

Route

เส้นทาง

 

Departure

เวลาออกเดินทาง

 

Arrival

เวลาถึงปลายทาง

 

Flight time

ระยะเวลาการบิน

 

Aircraft

แบบของเครื่องบิน

 

AF165

 

 

BANGKOK -PARIS-CDG

 

11:25

 

18:20

 

12:55

 

 

B777-300

 

AF166

 

 

PAR-CDG- BANGKOK

 

16:05

 

09:05

 

11:00

This schedule is correct as of 28 August 2017 and is valid from 30 October 2017 – 25 March, 2018

 

Air France KLM Sky Lounge ในสนามบินสุวรรณภูมิปรับปรุงใหม่พร้อมให้บริการแล้ว

ห้องรับรองที่ปรับโฉมใหม่พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีพื้นที่เพิ่มขึ้นและถูกปรับให้ทันสมัยมากขึ้นพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ รวมถึงเมนูอาหารและเครื่องดื่นใหม่และพื้นที่ที่จัดแยกส่วนไว้สำหรับการทำงานหรือทานอาหารและพักผ่อน

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการดูแลที่ดีที่สุด

บริการสำรองตั๋วและสอบถามข้อมูลของสายการบิน แอร์ ฟรานซ์

โทร. 00-1800-441-0771 (ไม่มีค่าใช้จ่าย) หรือ (66) (2) 610-0808 หรือ +33 (0) 892 702 654 เมื่อเรียกสายจากต่างประเทศ

Opening hours: Monday – Friday (including public holidays) from 8:30pm – 5pm

Website: www.airfrance.com/TH

Social media:

https://www.facebook.com/airfrance

https://twitter.com/afnewsroom

 

 

จีเอฟเค เผยเกมคอมพิวเตอร์มาแรง คืนฟอร์มฮิต เล่นกันทั้งเอเชียแปซิฟิก

เกมคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดคอมพิวเตอร์เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ความคลั่งไคล้อย่างต่อเนื่องในกีฬาอีสปอร์ตคือปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตถึง 39% ในแง่ของจำนวนยอดขายซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า36% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

แม้ว่าเครื่องโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปแบบดั้งเดิมจะเป็นอุปกรณ์ประมวลผลที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด แต่รายงานการวิเคราะห์ฉบับล่าสุดจากจีเอฟเค พบว่าเกิดมีปัจจัยรูปแบบใหม่ของอุปกรณ์ที่เป็นที่ต้องการเช่น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ความบางเบาเป็นพิเศษ หรือความเป็นอุปกรณ์ที่รวมทุกอย่างในตัวเดียวกันแม้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงกลุ่มคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมก็กำลังได้รับความสนใจ ทั้งหมดกำลังเติบโตอย่างมาก สร้างยอดขาย 6.1 พันล้านยูโรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา

 

“ความท้าทายที่ต้องแข่งขันกับเทคโนโลยีใหม่อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้คอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมได้เดินทางมาถึงขีดสุดจากที่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มกลายเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายได้อย่างแข็งแกร่ง” เจอราร์ด แทน ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยี จีเอฟเค เอเชีย กล่าว “ผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมต่างชื่นชมกับอุปกรณ์เกมที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และเต็มใจในการจับจ่าย เพื่อประสบการณ์กราฟิกที่ดีขึ้นและการเล่นเกมที่ราบรื่นขึ้น”

 

ยอดรายรับทั่วโลกของคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม (รวมเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก) จากการประเมินตลาดของจีเอฟเค (ไม่รวมอเมริกาเหนือ) มีมูลค่าทะยานขึ้นถึง 1.5 พันล้านยูโร คิดเป็นสัดส่วนยอดขายของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 34% (คิดเป็นมูลค่า 522 ล้านยูโร) และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเองนั้น พบว่าผู้บริโภคชาวจีนซื้อโน้ตบุ๊กสำหรับการเล่นเกมมากที่สุด รองมาคือเกาหลีและประเทศไทยในอันดับที่สองและสามตามลำดับ

 

ศักยภาพในการเติบโตของคอมพิวเตอร์เพื่อการเล่นเกมดึงดูดผู้เล่นให้เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึง 24 แบรนด์ที่นำเสนอสินค้าเพื่อการเล่นเกมถึง 1,700 รุ่น เทียบกับ เพียง 810 รุ่นเมื่อสามปีที่แล้ว

 

“นอกจากคอมพิวเตอร์เพื่อเล่มเกมโดยเฉพาะที่มีวางขายอยู่แล้ว บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ต่างก็พาเปิดตัวคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมสู่ตลาด ด้วยสเป็กและราคาที่มีการแข่งขันกันดุเดือด พุ่งเป้ามาเพื่อจับตลาดแมส” เจอราร์ด แทน ตั้งข้อสังเกต “พัฒนาการที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ สนับสนุนด้วยเทคโนโลยีที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) และความนิยมในอีสปอร์ต ทำให้เราเห็นถึงอนาคตว่าตลาดในส่วนคอมพิวเตอร์เพื่อการเล่นเกมนั้นจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงไปอีกนาน”

 

ตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับเล่นเกม (จอมอนิเตอร์ คีย์บอร์ด ชุดเฮดเซ็ต เมาส์) เป็นอีกตลาดที่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องมั่นคงของตลาดคอมพิวเตอร์เพื่อการเล่นเกม ยอดขายทั่วโลกในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 56% สร้างยอดขายครึ่งปีแรกของปี 2560 สูงถึง 1.1 พันล้านยูโร โดยที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ตัวเลขในการซื้อสินค้ากลุ่มเพื่อการเล่นเกมสูงขึ้นอย่างชัดเจน จอมอนิเตอร์เพิ่มขึ้น 154% คีย์บอร์ด 9% เฮดเซ็ต 29% และ เมาส์ 21%

 

จีเอฟเคจะทำการเผยแพร่รายงานวิเคราะห์ทั่วโลกของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในงาน IFA 2017 ณ เมืองเบอร์ลิน ช่วงวันที่ 1-6 กันยายน นี้

 

วิธีการเก็บข้อมูล

จีเอฟเคทำการเก็บข้อมูล ณ จุดขายเป็นประจำผ่านกลุ่มธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกจากกว่า 100 ประเทศ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับไอทีฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ รวมทั้งอุปกรณ์เสริม และทำการวิเคราะห์ด้านความต้องการของผู้บริโภคในสภาวการณ์ปัจจุบัน ในตลาดนานาชาติ ยุโรป และเยอรมันในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2560 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา จีเอฟเคได้รวบรวมข้อมูลที่รวบรวมมาจากตัวแทนจำหน่าย และผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่นมาไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน เป็นศูนย์เก็บรวบรวมข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงนำมาใช้ในการระบุความเป็นไปได้ที่มีอยู่ในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการปรับปรุงกระบวนการทำงานและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้ได้รับความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจและศักยภาพในการสร้างกำไร

 

เกี่ยวกับ จีเอฟเค (GfK)

จีเอฟเค เป็นบริษัทข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดและผู้บริโภคที่ได้รับความไว้วางใจ และช่วยให้ลูกค้าของบริษัทดำเนินการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จีเอฟเคมี ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยธุรกิจการตลาดมากกว่า 13,000 คน ที่พร้อมผนึกกำลัง ความสามารถผนวกกับประสบการณ์อันยาวนานและองค์ความรู้ด้านข้อมูลของบริษัท เพื่อผลิตข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญในระดับโลกพร้อมข้อมูลทางการตลาดจากมากกว่า 100 ประเทศ จีเอฟเคเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และองค์ความรู้ด้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนา ข้อได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างเสริมประสบการณ์และตัวเลือกของผู้บริโภคได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gfk.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์: https://twitter.com/GfK