ถ้าพูดถึงจังหวัดทางภาคเหนือ หลายคนจะนึกถึงแต่เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แต่รู้หรือไม่ว่า!? ยังมีอีก 5 จังหวัด ทางผ่านที่ไม่ควรแค่ผ่านไป!! วันนี้แอดน้องเลยพาตะลุย 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง กับแหล่งท่องเที่ยวที่ดีต่อใจมาฝากกัน ให้รู้ว่าเมืองไทยมีดี!!
วันที่ 1 : เจาะกันที่แรกกับพิษณุโลก
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ ที่เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชาวพิษณุโลก มีองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” และมีปะติมากรรมที่งดงาม
ต่อด้วยตะลุยของฝากขึ้นชื่อเมืองพิษณุโลก อย่าง โรงงานบางแก้วเซรามิค ที่นำเอาสัญลักษณ์สุนัชพันธุ์บางแก้ว มาเป็นโลโก้ของผลิตภัณฑ์ พร้อมคุณภาพที่ดีเยี่ยมจนเจ้าของการันตีหล่นไม่แตกกันเลยจ้า
ต่อไปยังจังหวัดสุโขทัย เมืองลือชื่อด้านประวัติไทย เราจะพลาดไม่ได้กับ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย“ ที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ยังประกาศให้เป็นสถานที่หนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย ภายในถูกทะนุบำรุงอย่างดี แม้จะเหลือร่องรอยโบราณสถานพระราชวังและวัดอยู่ ก็ยังทำให้เราได้เพลิดเพลินกับสิ่งแวดล้อมรอบๆได้อย่างดี
อัตราค่าบัตรเข้าชมอุทยาน |
ค่านั่งรถรางชมรอบ | ค่าเช่าจักรยาน (ทั้งวัน) |
คนไทย คนละ 30 บาท |
คนไทย คนละ 30 บาท |
คนละ 10 บาท |
ต่างชาติ คนละ 100 บาท |
ต่างชาติ คนละ 60 บาท |
พักเหนื่อยสักนิด มื้อเที่ยงแอดนำไปชิมกับ ร้านก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเจ๊แฮ“ อร่อยในจานเดียว ไม่ต้องปรุง
จบแล้วเราก็แว้บพักชิวกันต่อที่ร้านของฝาก “ณาณา กาแฟ“ ที่ไม่แค่ฝาก เพราะ ร้านนี้กาแฟหอมกรุ่นตั้งแต่เดินผ่านหน้าร้านกันเลยทีเดียว แต่ถ้าแวะเข้าไป ก็จะเป็นจุดขายของฝากจำพวกเครื่องเงิน และผ้าทอสวยงามนานาชนิด
พักจนหายเหนื่อยเราก็ตะลุยของฝากอีกที่ ขึ้นชื่อเรื่องเซรามิคและสังคโลกที่ร้าน “ประเสริฐ แอนติค“ เจ้าของโรงงานใจดี เปิดให้พวกเราลองปั้นกันได้ แอดลองแล้ว ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยกว่าจะได้ชิ้นงานนึง เขาพิถีพิถันทุกขั้นตอนจริงๆ
คืนแรกและครั้งแรกกับการพักแบบโฮมเสตย์
แอดได้มีโอกาสพักแบบโฮมเสตย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการส่งเสริมอาชีพชุมชน ให้ชาวบ้านรู้จักทำงานร่วมกันตั้งแต่ให้นักท่องเที่ยวเข้าพักไปจนถึงมีกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน และ ตลอดทริปนี้ แอดจะไปเจาะลึกกับการอยู่แบบโฮมสเตย์พร้อมสนุกสนานกับกิจกรรมชาวบ้านกันได้แบบไทยๆ ซึ่งการต้อนรับและบรรยากาศเป็นกันเองมากๆเหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกับชาวบ้าน กับข้าวกับปลา ไม่ขาดมือ อุ่นใจในความรู้สึกแอดมาก
รวมทั้งการนั่งรถอีแต๋นไปชมกิจกรรมอาชีพชาวบ้าน อย่างชุมชนสานกระติ๊บจากใบตาล และใบจาก ที่เป็นผลิตภัณฑ์น่ารักๆจากชุมชนอีกหนึ่งอย่าง
จากนั้นเราเดินทางข้ามไปจังหวัดตาก ไปชม อุทยานไม้กลายเป็นหิน ต.ตากออก อ.บ้านตาก โอ้โห!! ใครจะรู้ไม้กลายเป็นหินได้ ถูกต้องแล้วที่นี่เป็นป่าอนุรักษ์ ที่่ค้นพบซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและยาวที่สุดในโลก มีความยาวประมาณ 72.22 เมตร แอดลองไปยกมาแล้ว ตาเห็นเป็นไม้แต่ยกแล้วหินแน่นอน!!
จากนั้น มาสักการะ พระมหาสากะยะมุณีศรีสรรเพชร ที่วัดพระพุทธบาทดอยโล้น ต.ท้องฟ้า อ.บ้านตาก พระพุทธรูปองค์ขาวขนาดใหญ่ พร้อมวิว 360 องศา ที่บรรยากาศไม่น่าพลาดกันเลยทีเดียว
และต่อกันด้วยวัดพระบรมธาตุ ที่ ต.เกาะตะเภา ซึ่งองค์พระบรมธาตุนั้น จำลองแบบมาจากเจดีย์ ชเวดากอง ประเทศเมียนม่า พร้อมพระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจ ที่พร้อมให้นักท่องเที่ยวมาขอพรกันได้ดังใจ
จากนั้นช่วงยามเย็นแอดพาไปเที่ยว กาดก้าตง กัน ถนนของเดินประจำจังหวัดตากริมแม่น้ำปิง ซึ่งคล้ายกับตลาดขายของชาวบ้าน ทั้งอาหาร เสื้อผ้าและการแสดงต่างๆ พร้อมบรรยากาศยามเย็น ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ กับจุดถ่ายภาพสุดชิครอบๆตลาดกันอีกด้วย
วันที่ 3 : วัดผาซ่อนแก้วกับบรรยากาศบนปลายยอดเขา
เราก็เดินทางต่อไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ พลาดไม่ได้กับ วัดผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่ตั้งอยู่บนปลายยอดเขาสูง มีองค์พระพุทธรูปขาวล้วนขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะองค์ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ท่ามกลางบรรยากาศวิว 360 องศา เป็นสถานที่สักการะ มีองค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ และรอบๆตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างสวยงาม
คืนนี้เป็นครั้งที่สองของการพักโฮมสเตย์
แบบชาวบ้านๆ ซึ่งราคาย่อมเยาว์อยู่ที่คนละ 300 บาท ถือว่าเป็นการพักที่ถูกมากและคุ้มค่าสุดๆ เพราะรวมค่าที่พักและอาหารหมดแล้ว!! เริ่มด้วย การต้อนรับจากชาวบ้านด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆจากชุมชน ที่คัดสรรมาแล้ว มาให้เราได้ชิมกัน พร้อมทั้งอาหารการกินแบบชาวบ้านที่ตักได้ไม่อั้นกันเลยทีเดียว พอเข้าที่พัก ที่พักก็จะเป็นบ้านของชาวบ้านระแวกนั้นที่ถูกคัดสรรว่ามีมาตรฐานสามารถเข้าโครงการบ้านพักโฮมสเตย์ได้ ซึ่งเกณฑ์ของการเป็นบ้านพักโฮมสเตย์ของชุมชนได้นั้นต้อง บ้านพักมีขนาดตามที่กำหนด และสะอาดถูกสุขอนามัย ขนาดเครืองทำน้ำอุ่นยังมีให้ เจ๋งมั้ยล่ะคะ!!
วันที่ 4 : ธรรมชาติกับวิถีชาวบ้านที่ไม่เคยสัมผัส
พอตื่นเช้ามา ชาวบ้านจะทำอาหารเช้าให้เรา ขอบอกอร่อยมากๆ หลังจากนั้น จะพาเราไปชมวิวที่จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ ที่เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา บรรยากาศท่ามกลางหมอกยามเช้า ถ้าใครใคร่อยากมานอนเต้นท์ตื่นมาเจอวิวดีๆแบบนี้ ชาวบ้านบอกว่า เขาคิดแค่ 300 บาทถ้วนทั้งนั้น!! ค่าพาขึ้นเขามาที่จุดนี้พร้อมเต้นท์ ทุกอย่างตั้งต้นที่ 300 หมดเลย อะไรจะถูกและดีอย่างนี้!!
สายๆหน่อยชาวบ้านจะพาเรานั่งรถอีแต๋นไปชมสวนและไร่ผลไม้ที่เขาทำเกษตรกรรมกันค่ะ เช้าๆแบบนี้ได้ทำกิจกรรมแบบนี้อากาศเยี่ยง ขอบอกว่าดีสุดๆกันไปเลย
จากนั้นเราก็ร่ำลาแล้วไปต่อกันที่ เกษตรกรรมชุมชนแบบหมุนเวียนค่ะ ไปชมการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ต่างๆที่ชาวบ้านเริ่มกันทำ พร้อมทั้งอาชีพต่างๆในชุมชน อาทิเช่น ชุมชนทำกระเป๋า และหมอน เป้นการรวมตัวคล้ายๆกับสหกรณ์ของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านมีอาชีพ และผลักดันให้เกิดแรงงานค่ะ
และคืนนี้ก็เป็นคืนที่สาม ที่มีโอกาสได้พักแบบโฮมสเตยเช่นเคย เป็นโฮมสเตย์สังกัด อบต วังท่าดี แต่โฮมสเตย์ที่นี่ขอบอกบ้านน่ารักมากเลย แอดชอบมากที่สุดแล้ว บ้านหลังนี้เป็นของตายายคู่นึงที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เขาเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้แขกมาอยู่ร่วมด้วย เพราะจะได้มีแขกไปมา ตายายก็ชอบที่มีคนมาอยู่ร่วมกันเยอะๆ คุณยายคำปักน่ารักมากเลยค่ะ เขาต้อนรับอย่างดีมาก
วันที่ 5 : ทางรถไฟที่ไม่ใช่แค่รางรถไฟ
เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำแม่เฉย ซึ่งกำลังจะถูกพัฒนาเป็นอีกหนึ่งแหล่องที่ท่องเที่ยวที่ชาวบ้าน บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติแสนดีจริงๆ เเละไปต่อกับธรรมชาติ อุโมงค์เขาพลึง จังหวัดอุตรดิตถ์ บรรยากาศทางรถไฟเป็นทางยาวบนเนินเขา รอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ และวิวหน้าผา ฟ้าเปิดกว้าง เราสามารถเดินลัดเลาะตามทางรถไฟได้เลย ถ่ายรูปสวยๆตลอดทาง
แต่ต้องระวังเพราะเป็นทางรถไฟที่ยังสามารถใช้งานอยู่ปัจจุบัน ดังนั้นจึงเป็นทางผ่านของรถไฟตลอดเวลา แต่มีรอบเวลาที่ชัดเจนว่ารถไฟจะตัดผ่านช่วงไหน และที่สำคัญจุดนี้ยังเป็น เขตเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดแพร่ ให้ได้ถ่ายรูปเก๋ๆกันไปอีก
แล้วต่อกันที่การเดินชมสวนผลไม้ที่ชาวบ้านนำผลไม้มาเสริ์ฟให้กินกันแบบสดๆกันเลยทีเดียว ทั้ง ทุเรียน มังคุดและลองกอง
วันที่ 6 : บอกลาวิถีชาวบ้านกลับสู่เมืองกรุง
วันสุดท้าย แต่อาจะไม่ท้ายสุด เราวนกลับมายัง จ.พิษณุโลก เพื่อพบปะกับกลุ่มเกษตรกรรมธรรรมชาติ บ้านผารังหมี อ.เนินมะปราง กลุ่มชาวบ้าน ทอผ้าไหม/ผ้าปะดิด พร้อมเสื่อกกสานย้อมสี ต่อด้วยน้ำเห็ดหูหนูขาว ที่เปิดให้ชิมกันเลยพร้อมสรรพคุณมากมายแถมรสชาติดีบอกต่อ จบด้วยน้ำพริกแม่มานิตย์ เป็นของ OTOP ห้าดาวเลยนะเออ เขาให้กลับมาเป็นของฝากแอดชิมแล้ว อยากโทรสั่งอีกเลย ของเขาอร่อยจริงถึงได้ติดโผของฝาก OTOP กันเลยทีเดียว
สุดท้ายแอดอยากฝากบอกว่า เมืองไทยมีของดีอีกมากให้เราไปค้นหา ขอบคุณการเดินครั้งนี้และชาวบ้านทุกชุมชนที่ให้การต้อนรับอย่างดีและอบอุ่นจริงๆ