‘เวียดนาม’ ประเทศที่หลายคนวางไว้เป็นคู่แข่งไทยในหลายๆด้าน ตั้งแต่แข่งกันส่งออกข้าว ไปจนถึงแข่งกันเป็นเจ้าอาเซียนในกีฬาฟุตบอล และการเกทับกันในวงการนางงาม
ทริปนี้จึงเกิดขึ้น เพราะอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองว่าเวียดนามจะเป็นอย่างไร? เทียบแล้วเจริญเท่าไทยไหม? พร้อมแล้วก็ไปพิสูจน์กันเลย!
บินไปกับVietJet Air
ทริปนี้เราจองตั๋วของVietJet Air โลว์คอสสัญชาติเวียดนาม ที่นางเพิ่งมาเปิดตลาดในไทยไม่นาน ได้ราคาไปกลับ2พันกว่า แต่!ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแพงไป เลยไปจบที่3พันต้นๆ
ไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ สภาพเครื่องก็พอถูๆไถๆได้ ถ้าไม่คิดมาก เบาะก็กว้างพอประมาณ อย่าคาดหวังเยอะกับราคาเท่านี้
โฮจิมินห์ถิ่นลุงโฮ
ด้วยขนาดของเวียดนามที่ก็ไม่เล็กนะครับ มีการแบ่งภูมิประเทศเป็นเวียดนามเหนือ-ใต้ ซึ่งจากข้อมูลแล้วพบว่าเมืองเอกของประเทศคือโฮจิมินห์ อยู่ในเขตเวียดนามใต้ (นางไม่ใช่เมืองหลวงนะจ๊ะ เมืองหลวงนางคือฮานอย อยู่ทางเหนือ)
โฮจิมินห์ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ผู้คนพลุกพล่านมากสุด
มีสนามบินซึ่งถือว่าใหญ่สุดของประเทศแล้ว แต่ในสายตาเราและเพื่อนก็ว่ายังเล็กกว่าดอนเมือง นี่ให้เทียบเท่าประมาณสนามบินเชียงใหม่ ภูเก็ตไรงี้ ร้านDuty Freeน้อยนิด จัดที่นั่งให้คนรอเก้าอี้แบบหมอชิต ยังไม่ค่อยInternationalเท่าไร
(มีทริคการแลกเงินคือที่สนามบินเรทดีกว่าร้านข้างนอก เพราะฉะนั้นแลกไปเลยค่ะ แต่อย่าเทหมดหน้าตัก เหลือไว้เป็นUSดอลลาร์บ้าง ค่าเงินก็คิดยากชิบหาย จ่ายกันเป็นหมื่นเป็นแสนแบบแบงค์กงเต๊ก อย่าถามว่าคิดเป็นเงินไทยยังไง เพราะนี่ก็มั่ว55555)
ส่วนในเมืองไม่ค่อยมีตึกสูง แหล่งช็อปปิ้ง หรือโรงแรมหรูยังน้อย ร้านสะดวกซื้อแทบไม่ค่อยมี ยังเป็นมินิมาร์ทท้องถิ่นขายผ้าอนามัยโกเต็ก (โกเต็กที่บ้านเราเลิกขายไปแล้วอ่ะ) แต่เริ่มมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟสวยๆเอาใจวัยรุ่นมาเปิดเยอะขึ้น แต่สรุปแล้วกรุงเทพเราศิวิไลซ์กว่า
(เออ ว่าแต่ลุงโฮเป็นใครวะ นี่ก็ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์เขามาก รู้แค่เป็นผู้นำคนสำคัญเคยไปอยู่ไทย แล้วไงต่อไม่รู้ ไปหาอ่านที่อื่นเอานะ5555)
ตะลุยฝูงมอเตอร์ไซค์
เกิดมาไม่เคยเจอะเคยเจอ ขอยกเป็นประเทศที่มี ฝูงมอเตอร์ไซค์เยอะที่สุดในโลกกกกก ขอเรียกว่าฝูง เพราะมันไม่ได้มากัน5-6คัน มันมากันเป็นฝูงจริงๆ ยิ่งในเขตโรงเรียนนะ แล้วตอนโรงเรียนเลิก นักเรียนขี่กรูกันออกมาเต็มถนน เมิงเอ๊ยยยยฝูงซอมบี้ จยย.ชัดๆ จะขี่กันตามใจฉัน บีบแตรกันจนปวดกระดูกหูชั้นที่4 ถ้าต้องข้ามถนนคนเดียวนี่คิดหนัก เพราะรถมันไม่หยุดให้จ้า ก่อนข้ามก็ต้องสูดหายใจลึกๆ เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วเดินจ้ำๆไปเลย ห้ามหยุดชะงักเด็ดขาด! แล้วคุณจะพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ!!
แต่…แว้นของเขาคือแว้นคุณภาพ แว้นกันเพื่อเลี้ยงชีพไปทำมาหากิน ทุกคนจะใส่หมวกกันน็อกเปิดหน้า ใช้ความเร็วต่ำ ไม่ได้บิดเอาเป็นเอาตาย แว้นกวนเมืองแบบไทย เชื่อไหมว่าถึงรถจะเยอะ แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาเกิดอุบัติเหตุเลยนะ นี่ว่ายอดอุบัติเหตุช่วง7วันอันตรายไทยคงชนะเขาแหละ
ดินแดนมิจฉาชีพ ??
เรามักจะได้ยินข่าวคนเวียดนามเป็นมิจฉาชีพอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งมากรีดกระเป๋าในงานหนังสือบ้านเรา
ทริปนี้เราไปกัน6คน ชะนี5 ชาย1 (เอาไปยกของ ขี่ จยย.กับหารค่าข้าว) ระหว่างทริปก็ช่วยกันระแวดระวัง เดินคุมหน้าคุมหลัง เอากระเป๋าของมีค่ามาไว้ข้างหน้า สรุปทั้งทริปก็ไม่มีอะไรหาย ไม่เจอเหตุร้ายใดๆ เราว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่ในทุกสังคมแหละ จะไทย เวียดนาม หรือประเทศยุโรปอย่างฝรั่งเศสก็ยังมีกระทู้เตือนภัยเลย เพราะฉะนั้นเราในฐานะนักท่องเที่ยวก็ต้องระวังตัวเองเป็นดีที่สุด
(อ่อ!มีโดนลุงเฝ้าที่จอดรถโกงค่าจอดครั้งหนึ่ง แต่พอเราบอกว่าเพื่อนจ่ายแค่นี้ นางก็ทำหน้างี้ดๆ ประมาณว่า อุ่ยตายแล้ว! โดนจับได้ แล้วก็รีบโบกมือให้เราเข้าจอดฟรีเลย)
อาหารการกิน
เราขอแนะนำให้คุณพกน้ำปลา น้ำจิ้มแจ่ว สุกี้ ซีฟู้ดไปด้วย เพราะ80%ของอาหารเวียดนามคือจืด! ของขึ้นชื่อของประเทศนางคือ เฝอ ก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวจืดๆบ้านเราอ่ะแก มีหมู ไก่ เนื้อ ให้เลือก บางร้านก็ดี๊ดีสั่งเฝอไก่ เพราะไม่กินเนื้อ แต่ทางร้านก็ใช้น้ำซุปเนื้อราดมาให้เลยจ้าาาา
จะกินไรก็ดูร้านนิดนึง พยายามเข้าร้านที่ดูสะอาด เชื่อถือได้ แล้วก็สังเกตป้ายเวลาสั่งอาหารด้วย เพราะคำว่าThit cho มันคือเนื้อหมาค่ะเมิงงงงง
แต่ขอแนะนำนมดาลัท อร่อยจริงจัง สดจากเต้าจริงๆ แล้วถ้าไปเมืองชายทะเลอย่างมุยเน่ อย่าลืมไปกินอาหารทะเลรสชาติแปลกๆ หอยย่างโรยถั่ว ต้มยำกุ้งน้ำข้นหนืดเหมือนราดหน้ากันดูนะ
สำรวจประชากร
คนเวียดนามจะจีนก็ไม่ใช่จีนจ๋าอ่ะ คือมีความตี๋หมวยนะ แต่ก็ไม่ใช่จีนอ่ะ บอกไม่ถูก ส่วนใหญ่จะร่างเล็กทั้งหญิงและชาย ไม่ค่อยสูง แต่สิ่งนึงที่ชนะเลิศของชะนีเวียดนามคือผิวพรรณจ้า ผิวนางดี ขาวเหลือง ฮาดะลาโบะมาก ไม่ค่อยมีใครเป็นสิวเป็นฝ้า แล้วชะนีบางคนแต่งตัวแรง ใส่ชุดรัดรูปสีสดตัดกับสีผิวขาวๆ เอ็กซ์แตกมาก ส่วนผู้ชายก็จะแอบมีความล่ำกรำแดดประปราย
เหนือสิ่งอื่นใด อิประเทศนี้ไม่มีคนอ้วนค่ะ เดินมา100คนนี่แทบไม่เจอคนอ้วน เราคนไทยที่ไปเรานี่แหละอ้วนสุดในประเทศ ณ จุดนี้ต้องกราบความผัก ความสู้ชีวิตของคนในชาตินี้ที่ทำให้พวกนางหุ่นดีกันนะคะ
ส่วนใหญ่ก็สื่อสารภาษาอังกฤษรู้เรื่องกันนะ บางคนก็รู้ภาษาไทยด้วย แต่ถ้านอกๆเมืองหน่อยก็ใช้ภาษามือโบ๊เบ๊กันไป วัยรุ่นที่นี่ก็ติดสมาร์ทโฟน ก็ใช้ชีวิตชิคๆเก๋ๆไม่ต่างจากไทย แต่คนเวียดนามจะหน้านิ่ง ไม่ค่อยยิ้ม ไม่บ้าเหมือนคนไทยเอะอะๆยิ้มทุกเรื่อง
รถนอนในตำนาน
อีกหนึ่งประสบการณ์ที่อยากให้ได้ลองกันคือการนั่งรถนอนในตำนาน! ที่จะพาเราออกจากโฮจิมินห์ไปเมืองรอบนอก บอกเลยว่ามันเป็นการเดินทางบนพาหนะที่อเมซิ่งมาก ลองนึกภาพเตียง2ชั้นเรียงกันสิบ ยี่สิบเตียง อยู่บนรถที่เคลื่อนที่ได้
ขึ้นไปปุ๊ปสิ่งแรกที่ต้องทำคือการถอดรองเท้าใส่ถุงก๊อปแก๊ปที่เขาเตรียมไว้ให้ เพื่อไม่ให้กลิ่นรบกวนผู้โดยสารคนอื่น มีการแจกน้ำดื่ม แล้วก็ขึ้นประจำที่บนเตียง ซึ่งแล้วแต่ดวงว่าอิเด็กรถจะเลือกให้คุณอยู่ชั้นบนหรือล่าง ถ้าอยู่ชั้นบนก็ปีนขึ้นระวังๆหน่อย อย่าไปเหยียบหัวอิคนข้างล่างล่ะ 55555
ตอนแรกก็กังวลว่าจะนอนได้ไหม แต่พอได้สัมผัสแล้วบอกเลยว่าสบายมาก คือเราสามารถเหยียดได้ทั้งตัว หรือใครไม่อยากนอนก็ปรับเอนเบาะได้ตามสะดวก มีผ้าห่ม(ที่ไม่รู้ว่าซักล่าสุดเมื่อไหร่)ให้บริการ พอถึงครึ่งทางก็มีพักรถให้ลงไปเข้าห้องน้ำล้างอ้วก (ล้างอ้วกจริงๆ เพราะบนรถที่เรานั่งมีคนเมารถอ้วกจริงๆ เสียงดังมาก โอ้กอ้ากขากถุย อื้อหือ ดีที่กลิ่นไม่สาหัส)
เวลาลงรถเขาก็มีรองเท้าแตะไว้บริการ เราไม่ต้องแกะห่อรองเท้าให้ยุ่งยาก
ความอเมซิ่งยังไม่จบเพราะบนรถมีWiFiฟรีให้เล่นด้วยจ้า ไม่ว่ารถจะขับขึ้นเขาลงห้วยลัดเลาะไปไหนต่อไหน สัญญาณก็ยังไม่หลุด อเมซิ่งมาก เห็นอย่างนี้แล้วอยากให้เจ๊เกียวและบริษัทรถทัวร์ในไทยมาดูงานซะจริงๆ
ส้วมเวียดนาม
ยินดีด้วยค่ะ เพราะห้องพักที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชักโครก มีที่ฉีดตูด แต่ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะคุณจะได้เจอประสบการณ์แปลกใหม่จากส้วมบางแห่ง เพราะนางจะไม่มีน้ำให้ค่ะ!
ที่จุดพักรถนอกเมืองไกลๆ ทุรกันดาร จะมีห้องน้ำแบบนั่งยอง ซึ่งในห้องจะไม่มีน้ำ ไม่มีจริงๆ ไม่ได้หลอก คือมันเนียนเหมือนห้องน้ำปกติมาก มีประตู มีโถส้วม แต่ แต่ แต่เมื่อคุณเสร็จภารกิจแล้ว จะต้องสะดุ้งโหยงและกวาดสายตาหาว่าน้ำอยู่ไหนนนนน? 55555
ก่อนที่คุณจะต้องเดินออกมาอย่างเหนียมอาย และมาพบว่าน้ำมันอยู่ในถังใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าส้วมนั่นเอง! โดยมีถังสีวางข้างๆให้ตักหิ้วเข้าไปในห้องน้ำเอง ฮัลโหลลลล นวัตกรรมอะไรของเมิงงง นี่ก็แยกไม่ออกว่าเขายังสร้างส้วมไม่complete ยังวางท่อน้ำไม่เสร็จ หรือว่ามันเป็นสไตล์ของเขาหว่า? ดูแลตัวเองกันนะคะ นัดแนะเพื่อนที่ต่อแถวกันดีๆ ว่าอย่าเพิ่งจ๊ะเอ๋ไป ขอเราตักน้ำไปราดก่อน ไม่งั้นจะเจอของดี เห็นขี้ฝรั่งเหมือนเรา
ทะเลทรายAEC
ใครจะไปคาดคิดว่าภูมิภาคASEANของเราก็มีทะเลทราย! ถ้าอยากสัมผัสต้องนั่งรถไปที่เมืองมุยเน่ จากนั้นก็ซื้อทัวร์ มีรถจี๊ปขับพาเที่ยว พาไปเดิน Fairy Stream (Suoi Tien) อารมณ์เดินเล่นหิ้วรองเท้าบนทางน้ำขังตอนน้ำท่วมหลังบ้าน แต่ข้างๆจะมีวิวดินแดงโดนกัดเซาะเหมือนแพะเมืองผีบ้านเรา
จากนั้นจะพาไปดูหมู่บ้านชาวประมง และขับรถทางไกลไปดูไฮไลท์ของเรา นั่นคือทะเลทรายนั่นเอง ซึ่งจะมี2แห่งที่แรกคือ White Sand Dunes (Mui Ne, Vietnam) เลอค่าาาาาฟ้าจรดทรายมาก ประหนึ่ง วิ่งหยอกกับท่านชีคบนเนินทรายในอาหรับ ขาดแต่เพียงอูฐเท่านั้นแหละ ทรายขาวละเอียดกองเป็นภูเขาสุดลูกหูลูกตา แต่อย่าถามเรื่องอากาศเพราะแดดเปรี้ยง ร้อนมากเช่นกัน
(ขอเตือนคนผิวบอบบางแพ้ง่าย ให้โบกครีมกันแดดให้ทั่วตัวนะคะไม่เฉพาะแค่หน้า เพราะแดด ที่นี่ความเข้มข้นสูงมาก สูงกว่าไทย เรากลับมาแล้วเป็นกระขึ้นเต็มหลังมือเหมือนคนแก่เลย ไปหาหมอ หมอบอกเป็นเอฟเฟ็คจากแดดทะเลทรายนี่แหละ
แต่ในจุดนี้ เราจะโพสต์ท่าเอ้อระเหยมากไม่ได้นะคะ เพราะอิคนขับรถจี๊ปมันจะเร่งเรา ให้เราอยู่ในที่สวยๆได้ไม่นาน มันจะพาเรามาปล่อยที่ทะเลทรายแดง Red Sand Dunes Mui Ne ซึ่งไม่สวยเท่าขาว ด้วยเหตุผลที่ว่าจะให้เราได้ดูดดื่มกับวิวพระอาทิตย์ตก (แต่ความจริงแล้ว มันอยากจะเสร็จงานไวๆต่างหาก)
ที่นี่ก็จะสไตล์บ้านๆมีคนหอบของมาขาย เด็กมาหลอกขายแผ่นเล่นสไลเดอร์ ทิ้งตัวจากเนินทราย มีคนให้เช่าเสื่อปูนั่งปิคนิคกินไข่ปิ้ง กินข้าวหลาม อารมณ์แบบบางแสนบ้านเรา ทรายตรงนี้ก็จะสกปรกกว่า ไม่หรูเท่าทะเลทรายขาว แต่เราก็จะได้วิวพระอาทิตย์ตก ซึ่งเมื่อหมดแดดแล้วอากาศจะเย็น สดชื่นขึ้นเยอะเลย
ชิลล์ๆที่ดาลัท
นี่ชอบชื่อเมืองนี้นะ รู้สึกว่าเพราะ รู้สึกเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน ช้าๆเนิบๆ ซึ่งบรรยากาศในเมืองนี้ก็ดูอ่อนหวาน บ้านตุ๊กตา สโลว์ไลฟ์สมชื่อจริงๆ ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศยอดฮิต เป็นเมืองที่อากาศดีมาก อุณหภูมิตอนเช้านี่แค่สิบต้นๆ มีหมอกจางๆ ต้องใส่เสื้อกันหนาวกันเลยทีเดียว มีที่เที่ยวที่หลากหลาย ทั้งสวนดอกไม้ ไร่สตรอเบอร์รี่ น้ำตกโรลเลอร์โคสเตอร์ โบสถ์ บ้านประหลาด มีทะเลสาปกลางเมืองที่ขี่มอเตอร์ไซค์วนรอบแล้วจะเป็นลม เพราะกว้างมากกก มีที่พักสวยๆให้นักท่องเที่ยวเลือกเยอะแยะเลย เท่าที่สังเกตจะมีชาวต่างชาติมากันเยอะ การจราจรก็ไม่แออัดเท่าโฮจิมินห์ เหมาะสำหรับการมาพักชิลล์ๆไม่เร่งรีบ สูดอากาศดีๆ ฟอกปอดก่อนต้องกลับไปผจญภัยในเมืองใหญ่
เก็บตกเวียดนาม
-สื่อที่นี่ เช่น ช่องทีวียังไม่ทันสมัยเท่าไทย ละครยังดูโปรดักชั่นต้นทุนต่ำ MV เพลงยังดูตลกๆอยู่
-แต่อินเทอร์เน็ตที่นี่เร็ว แรงกว่าไทย แม้จะในเขตทุรกันดารก็ยังมีสัญญาณครอบคลุม
-เวียดนามยังไม่มีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน บนดิน ได้ข่าวว่ามีแพลนจะสร้างเร็วๆนี้(มั้ง)
-ผู้คนเดินทางส่วนใหญ่ด้วยมอเตอร์ไซค์ รถยนต์บ้างประปราย มีรถเมล์ แท็กซี่ และอูเบอร์ให้บริการ
-นอกเมืองของเวียดนามยังล้าหลัง เป็นดินแดง บางจุดมีขยะเต็ม2ข้างทาง
-ห้องน้ำบางจุดจะถูกถอดฝาชักโครกออกทุกห้องเหลือแต่โถ
-ตามตลาด ตจว.มีการแขวนขายเนื้อสุนัข
-ผลไม้ที่นี่มีคล้ายๆไทย ทั้งน้อยหน่า มะม่วง แก้วมังกร สับปะรด เงาะ รสชาติใกล้เคียงกัน
-เบเกอรี่วางแบในตู้โชว์ บางอันก็วางบนกระดาษ ไม่มีถาดใดๆ ดูไม่ค่อยน่ากินอ่ะ
-ชุดอ๋าวหญ่าย ชุดประจำชาติของชาวเวียดนาม ราคาไม่ใช่ถูก ขนาดไซส์ก็รองรับหุ่นชาวเวียดนาม ผอมๆเล็กๆ ใครอ้วนใส่ไม่ได้นะจ๊ะ
-ไปเวียดนาม แต่ก็ไม่ได้เจอแหนมเนืองขายตามร้านนะ คาดว่าคนไทยน่าจะมาประยุกต์กันเอง
– เบียร์เวียดนามถูกมาก ถูกยังกะน้ำเปล่า รสชาติมีตั้งแต่อ่อนๆกินนุ่มๆ ไปยันเข้ม แก้วเดียวก็ได้ความมึน
ส่งท้ายเวียดนาม
การมาเปิดประสบการณ์ที่เวียดนามครั้งนี้ ได้รู้ได้เห็นอะไรเยอะแยะเลย นั่งเครื่องบินจากไทยแค่ชั่วโมงกว่าๆ นาฬิกาก็ไม่ต้องปรับ เพราะเวลาตรงกับไทย วีซ่าก็ไม่ต้องทำ ใช้เงินก็ไม่เปลือง ทริปนี้รวมแล้วหมดแค่หลักพันเอง
หากอยากลองเที่ยวทะเลทรายในงบประหยัด ไม่ต้องเสียค่าเครื่องไปดูไบ ที่นี่ก็เป็นชอยส์ที่ดีเลยแหละ หรือหากใครชอบธรรมชาติภูเขา ป่า นาขั้นบันได สถาปัตยกรรมสวยๆ ก็ลองไปเวียดนามเหนือ จะได้อีกรสชาติที่แตกต่างไปอีก
ขอฝากเวียดนาม อีกหนึ่งประเทศไว้ในอ้อมใจขาลุยชาวไทย เพราะเราคือ…อาเซียนร่วมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ (จับมือคล้องกันแบบผู้นำตอนประชุมอาเซียน) ขอดุ๋มได๋ด๋าวเพียงเท่านี้ สวัสดีจ้าาาา
-อาจุมม่า-