กรุงเทพฯ เมืองอมร งามงอนต้องเห็นกับตา วันเสาร์ยามบ่ายในฤดูร้อนย่างเข้าฤดูฝน ก็คงจะคาดเดาฟ้าฝนได้ยาก บางทีบ่ายๆแดดร้อน ตกเย็นมาฝนตกซะงั้น แต่วันเสาร์นี้ฟ้าครึ้มตอนเช้า มาตอนบ่ายแดดเริ่มออก รู้สึกเบื่อห้องใบเล็ก เบื่อการเดินห้าง วันนี้ตั้งใจไปดูแสงตอนพระอาทิตย์ตกดิน และดูวิววัดพระแก้วที่เปิดไฟตอนกลางคืนที่ว่าสวยมากนัก เคยเห็นแต่รูป ก็อยากจะเห็นกับตาบ้าง ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋ากล้อง แล้วเดินทางไปวัดพระแก้วตอนสี่โมงเย็น ไปถึงเพลานี้เข้าวัดพระแก้วไม่ได้แล้วนะ ปิดแว๊ววว เสียใจแป๊ป แต่ไม่เป็นไร ข้างๆยังมีวัดโพธิ์ ซึ่งมีความงามของสถาปัตยกรรมโบราณที่ไม่แพ้กันเลย
ระหว่างเดินข้ามฝั่งไปเห็นสามล้อจอดเรียงแถวก็แชะภาพเก็บไว้สักหน่อย
วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี สำหรับคนไทยสามารถเข้าชมได้ฟรี ส่วนต่างชาติจะต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมค่ะ
พอก้าวเข้าไปในวัดปุ๊บ สิ่งแรกที่เราจะได้เห็นคือ พระวิหารพระพุทธไสยาส หรือวิหารพระนอน แต่ก่อนที่จะเข้าไปข้างใน จะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้ก่อนนะ พร้อมทั้งถือถุงใบนี้ไว้กับตัวด้วย และคืนตอนออกมา ที่ประตูทางออก ภายในมีพระพุทธสยาสน์หรือพระนอนวัดโพธิ์ มีขนาดยาวเป็นอันด
เดินถัดมาเราจะพบกับ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบจีน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ เครื่องถ้วยหลากสี มีตุ๊กตาหินจีนประตูละคู่ พระมหาเจดีย์แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองเพิ่มมุมสูง ๔๒ เมตร ประดับกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่างๆ สังเกตได้ง่าย
องค์ประกอบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว นามว่า พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เพื่อครอบพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่สูง ๑๖ เมตร ได้ชะลอมาจากพระราชวังที่กรุงศรีอยุธยา ภายในบรรจุพระบรมธาตุ นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ ๑
พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว นามว่า พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก คือรัชกาลที่ ๒ นับเป็นพระมหารัชกาลที่ ๒
พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง นามว่า พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระองค์
พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม เป็นพระมหาเจดีย์ที่รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย กรุงศรีอยุธยา นามว่า พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว เราต้องรีบเร่งฝีเท้าออกจากวัดโพธิ์ เพื่อไปให้ทันดูแสงพระอาทิตย์ตกดิน
ระหว่างทางเจอเจ้าตัวนี้ พอเราเรียก มันก็ลงมาทักทายด้วย
สวยงามจริงๆค่ะ ต้องมาเห็นกับตา ภาพที่ได้มาอาจไม่สวยเท่าของจริง
เดินมาฝั่งสนามหลวงรอวัดพระแก้วเปิดไฟ ประมาณ 6 โมง ระหว่างรอก็มีวิวรอบๆให้เราได้ชมรอ
วัดพระแก้วเปิดไฟแล้วว ไฟสีส้มจากในวัดตัดกับท้องฟ้าสีดำ ส่วนด้านล่างเป็นสนามหญ้าของสนามหลวง ว้าวว ช่างคุ้มค่าจริงๆกับการมารอชมครั้งนี้ สำหรับคนที่อยู่บริเวณนั้นและเห็นเป็นประจำอาจจะคิดว่าเราเว่อร์ แต่คนไม่เคยเห็นเช่นเรา เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ในการออกเดินทางแต่ละครั้งมันมีความหมายกับเราเสมอ เรามีความสุขที่ได้เจออะไรรอบๆตัวที่เราไม่เคยเห็นหรือเคยสัมผัส เก็บทุกรายละเอียดการเดินทางแล้วเราจะมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงค่ะ
ช่างมีความสุขจริงๆ ทิ้งท้ายรีวิวนี้ไปกับภาพ หอยทากตัวนี้เจอเขาระหว่างทาง